ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในการเสริมความงาม และถูกเลือกทำอันดับต้น ๆ ในทุกเพศ ส่วนใหญ่ใช้กับการปรับรูปหน้า หรือเติมเต็มในบริเวณที่เป็นร่องลึกบนใบหน้า ตอบโจทย์ความต้องการแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังการฉีด ซึ่งบริเวณหน้าผากเป็นส่วนที่ได้รับความนิยมในการปรับรูปหน้าเพื่อเพิ่มมิติให้หน้าผากมีความโค้งนูนมากขึ้น มีความสวยงาม และมีโหงวเฮ้งที่ แต่การใช้ฟิลเลอร์เพียงอย่างเดียวอาจยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการ ในกรณีของคนที่มีปัญหาแนวผมถอยร่น เถิกขึ้นไป การปลูกผมจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยปรับรูปหน้าให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ คำถามที่ตามมาคือ ฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าผากไปแล้ว เราจะสามารถปลูกผมปรับกรอบหน้าได้อยู่ไหม? วันนี้ผมจะมาอธิบายให้เข้าใจกันครับ
ประเภทของฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
ฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมในปัจุบัน คือ ฟิลเลอร์แบบไม่ถาวร (Non-Permanent Dermal Filler) มีความปลอดภัยและมีโอกาสเกิดอาการแทรกซ้อนน้อย ตัวเนื้อฟิลเลอร์สร้างมาจากกรดไฮยารูโรนิก (Hyaluronic Acid; HA) เป็นสารอุ้มน้ำที่พบได้ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตามธรรมชาติ เช่น ผิวหนัง กระดูกอ่อน เป็นต้น ที่ถูกสกัดและผ่านกระบวนการทำให้จับกันเป็นเนื้อเจล โดยแต่ละยี่ห้อก็จะมีหลากหลายรุ่นที่มีแตกต่างกันที่ความนิ่มความแข็งของเนื้อฟิลเลอร์ที่จะถูกในปัญหาที่แตกต่างกันออกไป เช่น ฟิลเลอร์ที่เนื้อแข็งก็จะเหมาะกับการขึ้นรูปอย่างการเสริมคาง เป็นต้น
ฟิลเลอร์ชนิดนี้สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน – 2 ปี ขึ้นอยู่กับเนื้อฟิลเลอร์ที่ใช้ และการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ครับ
ฉีดฟิลเลอร์แล้วปลูกผมได้ไหม?
การฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผากเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน จะต้องใช้ฟิลเลอร์ปริมาณ 3 – 5 cc. ขึ้นไป โดยปริมาณจะขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาของแต่ละบุคคลครับ ในส่วนของผู้ที่ผ่านการฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผากมาแล้ว และต้องการที่จะปลูกผมเพื่อปรับกรอบหน้าให้มีสวยงามและชัดเจนยิ่งขึ้น ก็สามารถทำการปลูกผมได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องระวังไม่ปลูกต่ำเกินไปจนเจอฟิลเลอร์ ไม่อย่างนั้นฟิลเลอร์ก็จะไหลออกมาตามรูแผลที่เกิดจากการปลูกผม และเสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อได้นั่นเองครับ
ปลูกผมปรับรูปหน้าด้วยเทคนิค DHI
การปลูกผมต้องมีการออกแบบแนวไรผมเพื่อกำหนดพื้นที่ในการปลูกตามความเหมาะสมของแต่ละคน และตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ในขั้นตอนนี้แพทย์จะต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ เพราะสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนลักษณะรูปหน้าได้ ความเชี่ยวชาญของแพทย์จึงมีความสำคัญมาก ๆ ครับ ทั้งนี้เทคนิคการปลูกก็มีความสำคัญเช่นกัน เพื่อให้ผลลัพธ์มีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งเทคนิค DHI ทำให้ผมที่ปลูกเนียนแน่น แนวผมมีความกลมกลืนไปกับแนวผมเดิม โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือ implanter ที่มีหัวเข็มขนาดเล็ก แผลที่ได้จึงมีขนาดเล็กลง และยังสามารถควบคุมทิศทางการปลูกผมได้ง่ายขึ้น เพื่อให้คนไข้มีกรอบหน้าชัดเจนขึ้น มีไรผมอ่อน ๆ ฟุ้งเป็นธรรมชาติ ทำให้การปรับรูปหน้ามีมิติ และสมบูรณ์แบบมากขึ้นครับ
สำหรับใครที่ได้มีการฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าตนเองปลูกผมได้ไหมนั้น สามารถส่งภาพมาประเมิน ที่นี่ ได้เลยครับ