การปลูกผมเป็นศัลยกรรมประเภทหนึ่งที่มานานหลายสิบปีแล้ว ค่อย ๆ ถูกพัฒนามาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน จริงอยู่ที่การปลูกผมดูเป็นเรื่องง่าย และเพราะความที่หลาย ๆ คนไม่เข้าใจ ทำให้หลายครั้งต้องเสียใจเพราะความไม่เข้าใจนะครับ ดังนั้นหมออยากให้ทุกคนที่กำลังจะปลูกผมได้อ่านบทความนี้เพื่อที่จะได้เข้าใจว่าแต่ละเทคนิคเป็นอย่างไรกันแน่ ก่อนที่จะไปพูดชื่อเทคนิค หมอขอถึงขั้นตอนกันก่อนนะครับ โดยหมอขอใส่เลขไว้ในแต่ละขั้นตอน เพื่อจะนำไปใช้อธิบายในตอนท้ายนะครับ
ขั้นตอนการนำผมออกมาจากบริเวณที่ต้องการ (Donor Area)
การกรีดหนังศีรษะ(FUT) เป็นวิธีการดั้งเดิมที่สุด คือการกรีดหนังศีรษะออกมาเป็นท่อนแล้วทำการเย็บปิดแผลที่สร้างขึ้น จากนั้นก็ทำการแยกเซลล์รากผม ออกจากชิ้นเนื้อหนังศีรษะนั้นออกมาอีกที โดนเราสามารถสังเกตได้จากรอยแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นเส้นยาวบริเวณด้านหลังศีรษะ
การเจาะดึงรากผม(เทคนิคอื่นๆ) เป็นวิธีการที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันครับ คือการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เจาะกราฟต์ผมออกมาจากบริเวณหลังศีรษะทีละกราฟต์แล้วดึงออกมา โดยอุปกรณ์ที่ใช้เจาะเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ๆ ต่อคุณภาพของกราฟต์ผม รวมถึงขนาดแผลที่จะเกิดบริเวณหลังศีรษะของเราครับ
ขั้นตอนการคงสภาพกราฟต์
การใช้น้ำยาแช่กราฟต์ เพื่อรักษาสภาพกราฟต์ ขั้นตอนนี้เป็นหนึ่งจุดที่สำคัญที่สุดในการเพิ่มอัตราการอยู่รอดของกราฟต์ผมที่ถูกตัดขาดจากเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงชีวิตขณะยังอยู่บนหนังศีรษะ โดยที่สามารถใช้เพียงน้ำเกลือทั่วไป ไปจนน้ำยาแช่กราฟต์ที่มีความจำเพาะกับเส้นผม
การตกแต่งกราฟต์ผม ไม่ว่าจะเป็นการนำกราฟต์ผมออกจากศีรษะประเภทไหน ก็จะต้องมีเนื้อเยื่อของหนังศีรษะรอบ ๆ เส้นผมนั้นติดมาด้วย ดังนั้นหากไม่มีการตัดแต่งกราฟต์ผมก็จะทำให้หลังการปลูกผมมีลักษณะคล้ายไข่ปลาเกิดขึ้น และอาจทำให้ปลูกผมได้ไม่หนาแน่นเท่าที่ควร ความเชี่ยวชาญในการตกแต่งกราฟต์ผมก็สำคัญมาก ๆ เพราะต้องผ่านการฝึกฝนและการสั่งสมประสบการณ์ครับ
ขั้นตอนการปลูกผม
ปลูกโดยใช้เข็มและคีม(Forceps)(1) เป็นการปลูกผมแบบดั้งเดิมคือการใช้เข็มเจาะลงไปบริเวณหนังศีรษะ เพื่อหยอดผมลงไปโดยการใช้คีมคีบลงไปปลูกนั่นเอง โดยวิธีการนี้แพทย์จะต้องควบคุมความลึก องศา และทิศทางด้วยเข็ม ที่อาจเป็นสาเหตุของการปลูกผมแล้วทิศทางไม่เป็นธรรมชาติ เนื่องจากมืออาจไม่มีความเที่ยงเท่ากันตลอดเวลา
ปลูกโดยใช้ Implanter(2) เป็นการใช้เครื่องมือเจาะและปลูกในชิ้นเดียว ไม่ใช่เพียงเพื่อลดความผิดพลาดของแพทย์ แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการปลูกผม เพราะหัวเข็มของ Implanter มีขนาดเส้นรอบวงเล็กกว่าเข็มทั่วไป และยังสามารถควบคุมความลึกได้อีกด้วย
การปลูกผม เทคนิคต่างๆ
ตารางด้านล่างนี้จะช่วยอธิบายในแต่ละขั้นตอนการปลูกผม พร้อมกับชื่อเรียกนะครับ
จากตางนี้ชัดเจนมาก ๆ ครับ ว่าการปลูกผมแต่ละเทคนิคแตกต่างกันอย่างไร ดังนั้นหมอจะขออธิบายประเด็นสำคัญ ที่น่าสนใจนะครับ
- FUT และ FUE ข้อแตกต่างสำคัญหลักๆ คือการผ่าตัดและไม่ผ่าตัดนั่นเอง FUT ทำให้เกิดแผลเป็นเป็นเส้นยาว แต่ FUE ทำให้เกิดแผลเป็นเป็นจุดขาว ๆ เล็ก ๆ แต่หากใช้เครื่องเจาะคุณภาพดี ก็จะมองไม่ค่อยเห็นรอยแผลเป็นเลยครับ
- FUE และ Advanced FUE ข้อแตกต่างสำคัญของสองหัตถการนี้ คือการที่เราจะมีการตกแต่งกราฟต์ผมเพิ่มเข้าไป ฟังดูเหมือนเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ แต่หมออยากบอกว่าขั้นตอนเล็ก ๆ นี้นี่เอง ที่ทำให้ผมที่ปลูกแน่นขึ้นอีกเยอะมาก ๆ ครับ เพราะการที่มีเนื้อเยื่อหนังศีรษะติดมานั้น จะทำให้เราไม่สามารถปลูกชิดกันได้เท่าที่ควรครับ
- Advanced FUE กับ DHI ข้อแตกต่างหลัก ๆ อยู่ที่การปลูก โดยการใช้ Implanter จะทำให้ปลูกได้แน่นขึ้นไปอีก เพราะเส้นผ่าศูนย์กลางของเข็มนั้นใหญ่กว่า 1 มิลิเมตร แต่เ Implanter อยู่ 0.64 มิลลิเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ Implanter ยังควบคุมความลึก และทิศทางได้ดีกว่าอีกด้วย ในขณะที่การปลูกด้วย FUE จะใช้เข็มและ forceps ซึ่งทำให้แผลมีขนาดใหญ่กว่าและควบคุมทิศทางยากกว่า
- ก่อนที่จะไปสู่เรื่องของ Long Hair DHI หมออยากจะให้รู้จักอีกหนึ่งวิธีการก็คือ non-shaven เพราะ non-shaven มีความแตกต่างกับ Long Hair DHI เพราะ Long Hair DHI จะไม่มีการตัดผมด้านหลังของคนไข้เลย แต่ non-shaven จะยังคงมีการตัดผมด้านหลังที่ไม่ได้โกนผมด้านหลังออกทั้งหมด จะเป็นการโกนสั้นเป็นบางบริเวณ โดยที่จะถูกซ่อนอยู่ภายใต้ผมที่ยังปล่อยยาวรอบ ๆ บริเวณที่โกนสั้นนั้น
Long Hair จะเหมือนกับ DHI เกือบทั้งหมด แต่จะใช้เครื่องมือเฉพาะ ทำให้สามารถเจาะดึงผมด้านหลังออกโดยที่เส้นผมไม่ขาด และปลูกได้ด้วยผมยาวทั้งเส้น โดยจะไม่มีการตัดผมด้านหลังของคนไข้เลยนะครับ ดังนั้นนี่คือการปลูกผมที่ปลูกตอนเช้า ตอนเย็นก็เป๊ะเลย
Advanced DHI วิธีการโดยรวมเหมือนกับ DHI แต่มีการเลือกเครื่องมือเฉพาะที่จะเหมาะสมกับตัวคนไข้แต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับบุคคลนั้น หากสนใจ คลิก
เอาหล่ะครับ สำหรับเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากก็จะมีเท่านี้ ณ ปัจจุบันนะครับ ดังนั้นใครอยากเลือกแบบไหน ก็สามารถเข้ามาปรึกษาหมอได้เลยครับ เพราะแต่ละอาการก็จะมีการดูแลรักษาที่แตกต่างกันออกไป และที่สำคัญที่สุด การปลูกผมควรมีการวางแผนให้ดี ควรปลูกให้จบใน 1-2 ครั้ง ดังนั้นอย่าลืมนะครับ “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย”