เส้นผม เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความงามและความมั่นใจสำหรับผู้หญิงหลายคน แต่เมื่อเผชิญกับปัญหาผมร่วงและศีรษะล้าน ความมั่นใจนั้นอาจถูกบั่นทอนลงอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ความจริงแล้ว ภาวะผมร่วงและศีรษะล้านในผู้หญิงเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยกว่าที่หลายคนคิด โดยมีผู้หญิงไทยจำนวนมากที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้ในปัจจุบัน และเพื่อให้คุณผู้หญิงได้เข้าใจถึงปัญหาที่ว่านี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุของภาวะผมร่วงและศีรษะล้านในผู้หญิง พร้อมแนะนำวิธีรักษาและป้องกัน
เข้าใจภาวะผมร่วงและศีรษะล้านในผู้หญิง
ภาวะผมร่วงและศีรษะล้านในผู้หญิง หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า “Female Pattern Hair Loss” (FPHL) มีลักษณะแตกต่างจากในผู้ชาย โดยผู้หญิงมักมีอาการผมบางทั่วศีรษะมากกว่าการล้านเป็นหย่อมๆ โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะและด้านบน แต่มักจะยังคงมีเส้นผมที่บริเวณขอบผมด้านหน้าไว้ ต่างจากผู้ชายที่มักจะมีการถอยร่นของเส้นผมบริเวณขมับหรือหน้าผาก
ผู้หญิงจะประสบกับภาวะผมร่วงที่เห็นได้ชัดเมื่ออายุ 50 ปี และเพิ่มมากขึ้น เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย แม้แต่ในวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้นก็ตาม
สาเหตุของภาวะผมร่วงและศีรษะล้านในผู้หญิง
1. พันธุกรรม
พันธุกรรมเป็นสาเหตุหลักของภาวะผมร่วงและศีรษะล้านในผู้หญิง ที่เรียกว่า Androgenetic Alopecia หรือ Female Pattern Hair Loss นี่เป็นภาวะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้จากทั้งฝั่งพ่อและแม่ ทำให้รูขุมขนไวต่อฮอร์โมนเพศชาย โดยเฉพาะ DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งทำให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมสั้นลง ส่งผลให้เส้นผมบางลงและร่วงในที่สุด
ผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคผมร่วงหรือศีรษะล้าน มีโอกาสสูงที่จะประสบกับปัญหาเดียวกันนี้ในช่วงชีวิตของตน โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยกลางคนหรือวัยทอง
2. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายเป็นอีกสาเหตุสำคัญของภาวะผมร่วงในผู้หญิง โดยเฉพาะในช่วงเวลาต่อไปนี้:
- การตั้งครรภ์และหลังคลอด: ในระหว่างตั้งครรภ์ ระดับเอสโตรเจนสูงขึ้นจะทำให้เส้นผมอยู่ในช่วงเจริญเติบโต (Anagen phase) นานกว่าปกติ ทำให้ผมดูหนาและสุขภาพดี แต่หลังคลอด เมื่อระดับฮอร์โมนกลับสู่ภาวะปกติ เส้นผมจำนวนมากจะเข้าสู่ช่วงพัก (Telogen phase) พร้อมกัน ทำให้เกิดการร่วงของเส้นผมจำนวนมากในช่วง 3-6 เดือนหลังคลอด เรียกว่า Postpartum Hair Loss
- วัยทอง (Menopause): เมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยทอง ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงอย่างมาก ในขณะที่ระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน (ฮอร์โมนเพศชาย) ยังคงอยู่ ทำให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมน ส่งผลให้เส้นผมบางลงและร่วงมากขึ้น
- ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล: ภาวะเช่น Polycystic Ovary Syndrome (PCOS) ที่ทำให้มีระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนสูงกว่าปกติ, ภาวะไทรอยด์ผิดปกติ, หรือภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอื่นๆ ก็สามารถนำไปสู่ภาวะผมร่วงได้
3. ความเครียดทางร่างกายและจิตใจ
ความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจสามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะผมร่วงชนิด Telogen Effluvium ซึ่งทำให้เส้นผมจำนวนมากเข้าสู่ระยะพักและร่วงพร้อมกัน สาเหตุของความเครียดที่พบบ่อยได้แก่:
- การผ่าตัดใหญ่
- การเจ็บป่วยที่มีไข้สูง
- การติดเชื้อรุนแรง
- การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
- ความเครียดทางอารมณ์ที่รุนแรงหรือเรื้อรัง เช่น การสูญเสียคนที่รัก หรือปัญหาสุขภาพจิต
ภาวะผมร่วงจากความเครียดมักเกิดขึ้น 2-3 เดือนหลังจากเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียด และมักจะฟื้นตัวได้เองเมื่อร่างกายปรับตัวและฟื้นฟูจากความเครียดนั้น
4. โภชนาการไม่สมดุล
การขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมเป็นอีกสาเหตุสำคัญของภาวะผมร่วงในผู้หญิง โดยเฉพาะการขาดสารอาหารต่อไปนี้:
- ธาตุเหล็ก: ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron-deficiency Anemia) พบได้บ่อยในผู้หญิง โดยเฉพาะผู้ที่มีประจำเดือนมาก และเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะผมร่วง
- วิตามินดี: การขาดวิตามินดีมีความเกี่ยวข้องกับภาวะผมร่วงหลายชนิด รวมถึง Alopecia Areata และ Female Pattern Hair Loss
- โปรตีน: เส้นผมประกอบด้วยโปรตีนที่เรียกว่าเคราติน การได้รับโปรตีนไม่เพียงพอจะส่งผลต่อการสร้างเส้นผมใหม่
- วิตามินบี: โดยเฉพาะไบโอติน (B7) และวิตามินบี12 มีความสำคัญต่อสุขภาพของเส้นผม
- สังกะสีและซีลีเนียม: แร่ธาตุเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตของเส้นผมและการทำงานของต่อมไขมัน
การทานอาหารลดน้ำหนักที่เข้มงวดเกินไป การเป็นมังสวิรัติหรือวีแกนโดยไม่ได้วางแผนโภชนาการที่ดี หรือภาวะการกินผิดปกติ เช่น Anorexia Nervosa หรือ Bulimia สามารถนำไปสู่การขาดสารอาหารและภาวะผมร่วงได้
5. โรคผิวหนังและโรคภูมิแพ้ตนเอง
โรคผิวหนังและโรคภูมิแพ้ตนเองบางชนิดสามารถส่งผลให้เกิดภาวะผมร่วงในผู้หญิงได้ เช่น:
- Alopecia Areata: เป็นโรคภูมิแพ้ตนเองที่ระบบภูมิคุ้มกันโจมตีรูขุมขน ทำให้เกิดผมร่วงเป็นหย่อมๆ กลมๆ บนศีรษะ
- โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis): หากเกิดบนหนังศีรษะสามารถทำให้เกิดการอักเสบและส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม
- โรคเชื้อราบนหนังศีรษะ (Tinea Capitis): การติดเชื้อราบนหนังศีรษะสามารถทำให้เกิดการอักเสบ คัน และผมร่วงเป็นหย่อม
- Lichen Planopilaris: เป็นโรคผิวหนังอักเสบที่ส่งผลต่อรูขุมขนและสามารถทำให้เกิดการสูญเสียเส้นผมอย่างถาวรได้
6. ผลข้างเคียงจากยาและการรักษา
ยาและการรักษาทางการแพทย์บางอย่างสามารถทำให้เกิดผมร่วงเป็นผลข้างเคียง ได้แก่:
- ยาเคมีบำบัด: การรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัดเป็นสาเหตุที่รู้จักกันดีของภาวะผมร่วงรุนแรง เนื่องจากยาทำลายเซลล์ที่แบ่งตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงเซลล์ที่สร้างเส้นผม
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด: เช่น Warfarin สามารถทำให้เกิดผมร่วงได้
- ยาลดความดันโลหิต: โดยเฉพาะกลุ่ม Beta-blockers
- ยาลดไขมันในเลือด: เช่น Statins
- ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs): การใช้ในระยะยาวอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม
- ยาคุมกำเนิดบางชนิด: โดยเฉพาะที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูง
- ยารักษาสิว: เช่น Isotretinoin (Accutane)
7. การจัดแต่งทรงผมและการใช้ความร้อน
การจัดแต่งทรงผมที่ดึงรั้งเส้นผมมากเกินไป และการใช้ความร้อนกับเส้นผมเป็นประจำ สามารถทำให้เกิดภาวะผมร่วงได้ เช่น:
- Traction Alopecia: เกิดจากการรวบผมแน่นเกินไป การถักเปีย การต่อผม หรือการใส่วิกผมที่ดึงรั้งเส้นผมเป็นเวลานาน
- การใช้ความร้อน: การใช้เครื่องหนีบผม, เครื่องม้วนผม, หรือเครื่องเป่าผมที่ร้อนเกินไปเป็นประจำ ทำให้เส้นผมแห้งเสีย และเปราะหักง่าย
- การย้อมผมและการดัดผม: สารเคมีที่ใช้ในการย้อมผมและดัดผมสามารถทำลายโครงสร้างของเส้นผม ทำให้เส้นผมอ่อนแอและหักง่าย
วิธีสังเกตอาการผมร่วงผิดปกติในผู้หญิง
- ผมร่วงมากกว่าปกติระหว่างสระหรือหวีผม
- เส้นผมบางลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะหรือแนวแสกผม
- หนังศีรษะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น หรือมีจุดล้านเล็ก ๆ
- พบเส้นผมหลุดร่วงบนหมอน เสื้อผ้า หรือพื้นมากผิดปกติ
- รู้สึกแสบ คัน หรือระคายเคืองบริเวณหนังศีรษะร่วมด้วย
- มีประวัติผมร่วงในครอบครัว หรือเกิดขึ้นหลังจากความเครียด เจ็บป่วย หรือฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
ควรเลือกการรักษาแบบไหนดี? ระหว่างปลูกผม หรือใช้ยารักษา
การเลือกวิธีการรักษาอาการผมร่วงหรือศีรษะล้านขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสาเหตุของการผมร่วง ระยะของปัญหา งบประมาณ และความต้องการส่วนตัว
การใช้ยารักษา
ข้อดี:
- ไม่ต้องผ่าตัด มีความเสี่ยงน้อย
- ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นต่ำกว่า
- เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งมีอาการผมร่วงในระยะเริ่มต้น
ข้อเสีย:
- ต้องใช้อย่างต่อเนื่อง
- ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนในผู้ที่ผมบางมากแล้ว
การปลูกผม
ข้อดี:
- ผลลัพธ์ถาวร ไม่ต้องทำซ้ำ (ในบริเวณที่ปลูกแล้ว)
- เห็นผลชัดเจนสำหรับคนที่ศีรษะล้านมาก
ข้อเสีย:
- ผมในบริเวณอื่นอาจยังร่วงต่อได้ อาจต้องปลูกเพิ่มในอนาคต
ซึ่งหลายคนเลือกใช้วิธีผสมผสาน คือทำการปลูกผมในบริเวณที่ล้านมากแล้ว และใช้ยาเพื่อชะลอการผมร่วงในบริเวณอื่นๆ แต่ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์พื่อประเมินสาเหตุและความรุนแรงของปัญหา รวมถึงขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับกรณีของคุณโดยเฉพาะ
แก้ปัญหาศีรษะล้านในผู้หญิง ที่ BEQ Hair Center
Female Hairline DHI
อย่างที่ทราบกันดีว่า ไรผมผู้หญิงมีความแตกต่างจากไรผมของผู้ชาย ซึ่งไรผมของผู้หญิงจะเป็นรูปไข่ หรือ รูปหัวใจ ด้านข้างหน้าผากมีลักษณะเป็นเส้นโค้งเป็นหยัก ๆ คล้ายผ้าม่านที่รวบออกด้านข้าง
ดังนั้นเทคนิคการปลูกผม Female Hairline DHI ถือเป็นเทคนิคที่มีความเข้าใจกรอบหน้าของผู้หญิงมากที่สุด โดยจุดเด่นคือการช่วยแก้ไขผู้หญิงที่มีปัญหาศีรษะล้านที่เกิดจากกรรมพันธุ์ หรือผู้หญิงที่มีปัญหาศีรษะล้านที่เกิดจากปัญหาอื่น ๆ ได้อย่างตรงจุดทุกปัญหาศีรษะล้านในผู้หญิง
และจุดเด่นอีกข้อหนึ่งที่สำคัญของการปลูกผม Female Hairline DHI นั้น สามารถสร้างกรอบหน้าใหม่ และยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาหน้าผากกว้าง หัวเหม่ง หัวเถิก ได้อีกด้วย เพราะเทคนิคการปลูกผม Female Hairline DHI ถือกำเนิดขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อความเข้าใจลักษณะเส้นผมบริเวณกรอบใบหน้าของผู้หญิงโดยแท้จริง
การปลูกผม Female Hairline DHI จะไม่ก่อให้เกิดรอยแผลเป็น ไม่มีจำเป็นต้องพักฟื้น ปลูกผมเสร็จแล้วสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยเป้าหมายหลักของการปลูกผม Female Hairline DHI คือการสร้างกรอบหน้าที่ดีที่สุดสำหรับคน ๆ นั้นขึ้นมา ยิ่งถ้าได้รูปหน้าในอุดมคติซึ่งก็คือหน้ารูปไข่ก็ยิ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างที่สุดนั่นเอง
ReCell® HAIR MICROGRAFT™
ReCell Hair Micrograft™ หรือ ปลูกผมด้วยเซลล์รากผม เป็นวิธีการรักษาที่เหมาะกับการแก้ปัญหาผมบางในผู้หญิง โดยด้วยการนำเนื้อเยื่อรากผม จากบริเวณด้านหลังศีรษะของลูกค้า มาผ่านกระบวนการทางการแพทย์ เพื่อคัดแยกเอาเฉพาะเซลล์รากผมที่แข็งแรงสมบูรณ์แล้วนำไปฉีดกลับยังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบาง กระบวนการทั้งหมดนี้ ใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 2 ชั่วโมง แผลที่เกิดขึ้นจากการนำเนื้อเยื่อออกมามีขนาดเล็กมาก จึงไม่ต้องทำการปิดแผล หรือพักฟื้นใด ๆ สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
สรุป
ถึงแม้ว่าปัญหาผมร่วง หัวล้าน จะส่งผลต่อความมั่นใจในคุณผู้หญิงหลายคน แต่ก็ยังมีวิธีการในการรักษาและดูแลปัญหาที่ว่ามานี้ เพื่อคืนความมั่นใจให้กลับมา สิ่งสำคัญคือต้องหมั่นสังเกตว่ากำลังเจอปัญหาที่ว่ามานี้อยู่หรือเปล่า และหากเกิดความกังวลใจ ควรรีบพบแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษาและการรักษาก่อนปัญหาจะบานปลาย
พร้อมดูแลทุกปัญหาผมร่วง ผมบาง หัวล้าน ต้องการคำแนะนำ ปรึกษาเพิ่มเติม ติดต่อ BEQ Hair Center ได้เลย