สาเหตุปัญหาศีรษะล้านเถิก
พันธุกรรมเป็นสาเหตุของศีรษะล้านมากที่สุดมากถึงร้อยละ 95 ของผู้ที่มีอาการหัวล้านทั้งหมด เพราะว่าการที่ รากผม จะแข็งแรงหรือไม่สมารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรมจากพ่อแม่สู่ลูกได้ ดังนั้นหากต้องการทราบว่าตนเองมีความเสี่ยงที่จะหัวล้านหรือไม่ให้สังเกตจากบรรพบุรุษว่ามีใครหัวล้านหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าคุณมีความเสี่ยงในการที่จะมีศีรษะล้านได้ การที่หัวล้านจากกรรมพันธุ์เนื่องจากภายในร่างกายได้รับฮอร์โมน DHT ในปริมาณที่สูง ฮอร์โมน DHT เมื่อมีมากจะส่งผลให้รากผมอ่อนแอและมีขนาดที่เล็กลง ส่งผลให้เส้นผมมีอายุที่สั้นและเส้นผมที่งอกออกมาใหม่ก็มีขนาดเล็กลงหรือเป็นเพียงแค่ไรผมเท่านั้น ส่วนปัญหาศีรษะล้านจากสาเหตุอื่นๆ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการหัวล้านได้ ซึ่งอาการหัวล้านที่พบได้บ่อยมักเป็นอาการของผมร่วงเป็นหย่อม(Alopecia Areata) อาการหัวล้านแบบนี้มีโอกาสที่พบได้เพียงร้อยละ 5 % เท่านั้น ซึ่งสาเหตุของอาการหัวล้านนี้มักเกิดจากต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Toxic goiter) ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย (Hypothyroidism) ภาวะหลังคลอดบุตรในผู้หญิง ความเครียด โรคเบาหวาน หรือผลข้างเคียงจากการใช้ยาเพื่อรักษาโรคบางชนิด เช่น โรคมะเร็ง เป็นต้น
![](https://beqclinic.com/wp-content/uploads/2019/12/02บทความ09_หัวข้อ-ปลูกผมถาวร-ผมที่ปลูกอยู่ถา-1024x512.jpg)
การปลูกผมถาวรคืออะไร ?
การปลูกผม คือ การนำรากผมที่มีความแข็งแรงสมบูรณ์มาปลูกในบริเวณที่ไม่มีเส้นผมแล้ว ซึ่งการรากผมที่นิยมนำมาปลูกมักจะเป็นรากผมจากบริเวณท้ายทอย เนื่องจากรากผมบริเวณดังกล่าวจะมีความแข็งแรงสมบูรณ์และมีอายุมากกว่ารากผมบริเวณอื่นมาก จึงนำรากผมจากส่วนท้ายทอยมาปลูกทดแทนส่วนของรากผมที่อ่อนแอจนไม่มีเส้นผมงอกขึ้นมาแล้ว ซึ่งการรักษาอาการศีรษะล้านด้วยการ การปลูกผม นับว่าเป็นวิธีที่ดีและช่วยแก้ไขปัญหาศีรษะล้านได้อย่างถาวร เนื่องจาก
1. ทนทานต่อฮอร์โมน DHT
รากผมที่บริเวณท้ายทอยมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ได้มากกว่าปกติ ซึ่งจะสังเกตได้จากคนที่มีปัญหาศีรษะล้านเนื่องจากความผิดปกติของฮอร์โมน DHT หรือจากกรรมพันธุ์ส่วนมากจะล้านที่บริเวณกลางศีรษะ แต่เส้นผมที่บริเวณท้ายทอยจะคงอยู่เหมือนเดิม จึงกล่าวได้ว่ารากผมที่บริเวณท้ายทอยเป็นรากผมที่มีความแข็งแรงทนทานมากที่สุด เมื่อนำไปปลูกทดแทนรากผมที่บริเวณกลางศีรษะ รากผมและเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่ย่อมมีความแข็งแรงทนทานเช่นเดียวกัน โอกาสที่รากผมจะอ่อนแอจนกลับมามีปัญหาศีรษะล้านมีความเป็นไปได้น้อยมากหรือแทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลยก็ว่าได้
2. อายุยืน
รากผมที่แข็งแรงจะสามารถสร้างเส้นผมได้ประมาณ 20 รอบตลอดอายุของรากผม ซึ่งวงจรชีวิตของเส้นผม 1 รอบจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6-10 ปี เส้นผมจึงจะหลุดร่วงไปเองตามธรรมชาติ นั่นหมายความว่าถ้ารากผมที่แข็งแรงจะมีอายุสูงสุดถึง 200 ปีทีเดียว ดังนั้นเมื่อนำรากผมที่บริเวณท้ายทอย ซึ่งเป็นรากผมที่มีความแข็งแรงมากที่สุดบนศีรษะมาปลูกผมแล้ว ย่อมหมายความว่ารากผมที่เกิดขึ้นใหม่จากการปลูกถ่ายจะมีอายุอยู่ต่อไปได้อีกเป็นร้อยปีและเส้นผมที่เกิดจากรากผมก็จะเกิดขึ้นได้ตลอดอายุขัยของรากผมเช่นเดียวกัน
![](https://beqclinic.com/wp-content/uploads/2019/12/03บทความ09_หัวข้อ-ปลูกผมถาวร-ผมที่ปลูกอยู่ถา-1024x512.jpg)
การปลูกผมถาวรในปัจจุบัน
สมัยนี้มีเทคโนโลยีและวิวัฒนาการที่ล้ำสมัยทำให้คนที่มีปัญหาหัวล้านเถิกไม่ต้องกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว
โดยในปัจจุบันมีการปลูกผมด้วยกัน 2 วิธีที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย นั่นคือ
วิธีที่ 1 FUT หรือ Follicular Unit Transplantation เทคนิคการศัลยกรรมปลูกผม เป็นวิธีที่มีมาก่อน FUE โดยการกรีดเอาชิ้นเนื้อจากหนังศีรษะบริเวณด้านหลังความยาว 10-20 ซ.ม. กว้าง 1-2 ซ.ม. นำมาหั่นเพื่อคัดกรองแยกกราฟต์ แล้วจึงนำกลับไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการ ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่เป็นที่นิยมแล้ว เพราะทำให้เกิดรอยแผลเป็นทางยาวที่ด้านหลังศีรษะ และต้องพักฟื้นเป็นเวลานานถึง 2 สัปดาห์
วิธีที่ 2 DHI (Direct Hair Implantation) เป็นการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค FUE ประเภทหนึ่ง ซึ่งก็คือ มีขั้นตอนการเจาะนำกราฟต์ที่บริเวณท้ายทอย (Donor Area) ออกมาเช่นเดียวกัน แต่ในขั้นตอนการปลูก หากเป็นเทคนิค FUE แบบดั้งเดิมนั้น แพทย์จะต้องใช้เข็มเจาะลงไปบนหนังศีรษะก่อนเพื่อให้เกิดรู แล้วจึงใช้ forceps คีบกราฟต์ผมมาปักลงไปในรอยเจาะนั้น แต่หากเป็นเทคนิค DHI สามารถปัก และปลูกผมได้ภายในครั้งเดียว ด้วยเครื่องมือเฉพาะที่ชื่อว่า DHI Implanter
![](https://beqclinic.com/wp-content/uploads/2019/12/รวมFUE-DHI-1024x512.png)
ปลูกผมถาวร ผมที่ปลูกอยู่ถาวรหรือเปล่า
ปัจจุบันนี้ เรื่องการศัลยกรรมปลูกผมก็ยังคงมีปัญหาอยู่ เพราะคนส่วนมาก ยังขาดข้อมูล และ ไม่กล้าที่จะเข้ามารับการรักษา เพราะจะกลัวว่าผมที่ปลูกใหม่ ที่มันงอกออกมา มันจะอยู่แบบถาวร หรือจะหลุดร่วงอีกหรือไม่..
โดย นายแพทย์ดนัย ธรรมภิบาล แพทย์ผู้เชียญชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ ได้กล่าวไว้ว่า “ในตำราทางการแพทย์นั้น ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน ถึงอายุขัยของเส้นผมหลังการปลูกผมที่แน่นอน ว่าจะอยู่บนหนังศีรษะเราได้ถาวรนานเพียงใด แต่จากประสบการณ์ที่ได้พบเห็นผู้ที่เคยได้รับการรักษาปลูกผมแบบ FUE มาก่อนกับเรา เมื่อผ่านไปหลายปี ผมบริเวณอื่นก็หลุดและร่วงไปตามกาลเวลา ในขณะที่บริเวณที่ปลูกผมใหม่นั้นยังงอกงามอยู่ไม่หลุดร่วงไปไหนเลยครับ” ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ปกติรากผมที่เรานำมาจากท้ายทอย หรือ ส่วนบริจาคจะเป็นผมที่ทนทาน และ ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่า DHT(Dihydrotestosterone ) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาศีรษะล้านจากพันธุกรรม ดังนั้นเมื่อไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าก็จะมีอายุยืนยาวตามปกติของรากผมยังงั้นจนกลายเป็นผมถาวรเพราะปกติรากผมคนเราจะมีวงจรชีวิตที่จะต้องเข้าสู่ระยะพักทุกๆ 6 ถึง 10 ปี และระยะเวลาประมาณ 20 รอบ นั่นแปลว่ารากที่แข็งแรงตามปกติจะต้องมีอายุประมาณ 120 ถึง 200 ปีทั้งนี้แต่ละรอบวงจรขนาด อาจจะเล็กลงไปบ้างซึ่งจะเห็นว่าผมเส้นเล็กลงบ้างตามวัยที่สูงขึ้นดังนั้นล่ะ ผมจากท้ายทอยที่ย้ายมาปลูกก็จะมีอายุตามนั้นเราอาจจะเรียกว่าเป็นผมถาวรก็ย่อมได้เพราะมันอยู่นานเกินกว่าอายุขัยของคนเราเสียอีก หากต้องการทำให้ผมเดิม และผมที่เราปลูกมาอยู่กับให้ยาวนานที่สุด หลังปลูกก็ควรจะได้รับการดูแล แบ่งได้เป็น 3 ส่วน ดังนี้
การดูแลภายนอก
ควรใส่ใจ และดูแลผมอย่างถูกวิธี เช่น การเลือกใช้แชมพูที่ถูกกับลักษณะศีรษะแห้ง-มัน ของตัวเอง / การสระผมอย่างถูกวิธี / ไม่หวีผมในขณะที่ผมยังเปียกอยู่ / ไม่ควรเป่าลมร้อนใกล้ ๆ ผม รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีต่างๆ ไม่ว่าจะย้อมสีผม ดัด หรือกัดสีผม
การดูแลภายใน
การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นสำหรับเส้นผม เช่น โปรตีน วิตามิน ธาตุเหล็ก สังกะสี ฯลฯ รวมไปถึงการรับประทานอาหารเสริม หรือ ยาชนิดที่ดูแลเกี่ยวกับเส้นผม และต่อต้านฮอร์โมน DHT โดยตรงจะช่วยยืดอายุของเส้นผมให้อยู่ยาวนานยิ่งขึ้น
การดูแลเฉพาะที่หนังศีรษะและรากผม
ก่อนการปลูกผม และหลังปลูกผม มีวิธีทางการแพทย์หลายวิธีที่สามารถเลือกใช้ เพื่อไปกระตุ้นให้รากผมเจริญเติบโตแข็งแรง และชะลอสาเหตุที่ทำให้ผมหลุดร่วงได้ตรงจุด เช่น การทำ Plasma Hair PRP เป็นการแก้ปัญหา “ ผมร่วง “ โดยการเจาะเอาเลือดของตัวเอง เพียงจำนวน 10-20 cc ต่อมาจึงนำไปเข้าเครื่องเหวี่ยงสาร แยกเอามาเฉพาะส่วนของน้ำเลือดที่มีเกล็ดเลือด และ Growth Factors ที่มีความเข้มข้นสูงเมื่อฉีดกลับเข้าไปที่บริเวณหนังศรีษะส่วนที่ต้องการรักษา ไปช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและการแบ่งของเซลล์รากผม ให้รากผมฟื้นตัวได้ไว และกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีอีกครั้
![บทความที่08_ความหนาแน่นของการปักกราฟต์-07บท](https://beqclinic.com/wp-content/uploads/2019/12/บทความที่08_ความหนาแน่นของการปักกราฟต์-07บท-1024x512.jpg)
![บทความที่08_ความหนาแน่นของการปักกราฟต์-08บท](https://beqclinic.com/wp-content/uploads/2019/12/บทความที่08_ความหนาแน่นของการปักกราฟต์-08บท-1024x512.jpg)
![บทความที่08_ความหนาแน่นของการปักกราฟต์-05บท](https://beqclinic.com/wp-content/uploads/2019/12/บทความที่08_ความหนาแน่นของการปักกราฟต์-05บท-1024x512.jpg)
![บทความที่08_ความหนาแน่นของการปักกราฟต์-09บท](https://beqclinic.com/wp-content/uploads/2019/12/บทความที่08_ความหนาแน่นของการปักกราฟต์-09บท-1024x512.jpg)