ยาปลูกผม กินแล้วไม่ต้องปลูกผมจริงหรือไม่?

เมื่อพูดถึงปัญหาผมร่วง ผมบาง หลายคนมักจะมองหาวิธีการรักษาที่ไม่ต้องเจ็บตัว หรือเสียค่าใช้จ่ายสูง การกินยาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนส่วนใหญ่หันไปใช้ เพราะคิดว่า “กินยาแล้วไม่ต้องปลูกผม” แต่คำถามคือ การกินยาช่วยให้ผมงอก หรือหยุดผมร่วงได้จริงหรือ?

กินยาแล้วไม่ต้องปลูกผม?

ยาที่ใช้ในการรักษาผมร่วงมีส่วนผสมที่สามารถทำงานได้โดยการหยุดยั้งการทำงานของฮอร์โมนที่ทำให้เกิดผมร่วง เช่น ฟิแนสเตอไรด์ (Finasteride) ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการรักษาผมร่วงที่เกิดจากฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) โดยยาตัวนี้จะช่วยลดระดับ DHT ในร่างกาย ทำให้ผมไม่หลุดร่วงง่าย และสามารถช่วยให้ผมใหม่งอกขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ยา ไม่สามารถเพิ่มเซลล์รากผมที่ถูกทำลายไปแล้วให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง ถ้าในบริเวณนั้นไม่มีเซลล์รากผมที่แข็งแรง ยาที่ทานเข้าไปก็จะไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดการงอกของเส้นผมใหม่ได้

แต่การปลูกผม เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ จากการที่เราไม่สามารถทำให้รูขุมขนที่ปิดไปแล้ว หรือเซลล์ที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง จึงต้องนำรากผมจากบริเวณด้านหลังศีรษะที่ไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT มาปลูกในบริเวณที่ต้องการ

เพื่อหล่อลื่นเส้นผมให้ชุ่มชื้น พบมากในผักใบเขียว มะเขือเทศ กล้วย โยเกิร์ต และธัญพืช

และยังมีทางเลือกอื่นๆ ในการแก้ปัญหาผมร่วงได้ เช่น 

  • LLLT เลเซอร์พลังงานต่ำกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่หนังศีรยาที่ใช้รักษาอาการผมร่วง
  1. ยาฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) เป็นตัวยาที่ออกฤทธิ์โดยการลดการเกิดฮอร์โมน DHT โดยไปลดการเกิด ณ ปลายทางที่รากผมเป็นหลัก การกินยานี้ไม่ได้เป็นการกดฮอร์โมนเพศชายในร่างกายเลย สังเกตได้ว่าหลังจากใช้ยาชนิดนี้ เส้นผมจะดูดกดำ และดูหนาขึ้น เพราะเซลล์รากผมไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT
  2. ยาไมโนซิดิล (Minoxidil) เดิมเป็นยาที่ใช้ลดความดันโลหิตสูงมาก่อน แต่ภายหลังพบว่ามีผลข้างเคียงจากยานี้ที่ทำให้ผมงอกขึ้นบริเวณศีรษะหลังจากทานยาด้วยกลไกการทำงานที่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ซึ่งคาดว่าอาจมาการขยายหลอดเลือดทำให้มีเลือดไปเลี้ยงเส้นผมมากขึ้น เพื่อป้องการเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ จะต้องใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง

นอกเหนือจากยาแล้ว ยังมีวิตามินที่ไม่ได้ช่วยลดปัญหาผมร่วงโดยตรง แต่ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงจากภายในได้ ซึ่งวิตามินที่นิยมใช้ในการบำรุงเส้นผม เช่น 

  • ไบโอติน (Biotin) ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์ที่สร้างใหม่และแบ่งตัวอยู่ตลอดเวลา เช่น เส้นผม เล็บ และผิวหนัง โดยมักพบไบโอตินในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผักและผลไม้ ถั่วและธัญพืช นมและโยเกิร์ต 
  • แร่ธาตุต่าง ๆ เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี จะช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ได้จากแหล่งอาหาร เช่น เนื้อแดง เครื่องในสัตว์ ไข่แดง อาหารทะเล ธัญพืช ผลไม้และผักใบเขียว เป็นต้น
  • วิตามินเอ (Vitamin A) ช่วยให้หนังศีรษะและเส้นผมแข็งแรง พบมากในผักใบเขียวและผลไม้มีสี
  • วิตามินบี (Vitamin B) ช่วยควบคุมการหลั่งของน้ำมันธรรมชาติษะและกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม
  • PRP กระตุ้นการเติบโตของเซลล์และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังรูขุมขน ทำให้เส้นผมแข็งแรงขึ้นด้วยพลาสม่าจากเลือดผู้เข้ารับการรักษาเอง

รวมถึงการทำทรีตเมนต์บำรุง การปลูกผมด้วยเซลล์ผม หรือ ReCell® เป็นต้น

คำแนะนำในการใช้ยาและวิตามิน

การใช้ยา สำหรับการรักษาผมร่วงควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์ หรือเภสัชกรเท่านั้น เพราะยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียง หรืออาจไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง 

นอกจากนี้ยาบางชนิด ต้องถูกจ่ายยาอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการเท่านั้นที่แพทย์ หรือเภสัชกรสามารถทำได้ ไม่แนะนำให้ซื้อยาเองจากร้านที่ไม่มีมาตรฐาน หรือสั่งซื้อยาผ่านเว็บไซต์ที่ไม่ได้รับการรับรองจากแพทย์ 

สำหรับ วิตามิน หรือ อาหารเสริม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง และมีการศึกษาผลลัพธ์จากงานวิจัย โดยการทานวิตามินควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เช่น ไม่ควรทานวิตามินเกินขนาดที่แนะนำ ซึ่งการทานวิตามินเกินขนาดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่ดีต่อร่างกาย

ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ยา วิตามิน หรืออาหารเสริมในการรักษาผมร่วง คำแนะนำที่สำคัญที่สุด คือ การไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงของผมร่วงก่อน เพราะหากเรากินยาผิดหรือไม่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีหรือมีผลข้างเคียงได้ บางครั้งปัญหาผมร่วงอาจเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับเส้นผม หากไม่พบสาเหตุที่แท้จริง การใช้ยาโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์อาจไม่ช่วยอะไรเลย

สรุป

ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผมหรือว่าการทานยาต่างมีบทบาทที่แตกต่างกัน ดังนั้นความเข้าใจที่ว่าปลูกผมอย่างเดียวไม่ต้องทานยาก็ไม่ถูก เพราะการทานยาควบคู่ด้วย ก็จะช่วยลดผมร่วงจากต้นเหตุ ทำให้ผมที่มีอยู่ไม่หลุดร่วงเพิ่ม

 หรือทานยาแล้วไม่ต้องปลูกผมนั้นไม่เป็นความจริง เพราะยาช่วยลดผมร่วงได้ แต่ทำให้ผมบริเวณที่เซลล์ตาย รูขุมขนปิดไปแล้วงอกขึ้นมาใหม่ไม่ได้ ดังนั้นการรักษาทั้ง 2 รูปแบบยังคงมีความจำเป็นสำหรับการรักษาปัญหาศีรษะล้าน-เถิก อยู่ดี

เหมาะสำหรับบริเวณที่ผมบางลงโดยยังมีเส้นผมเหลืออยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งมักจะเป็นบริเวณด้านบนของศีรษะ เป็นการสกัดเซลล์รากผมของเรามาฉีดยังบริเวณที่มีปัญหาเพื่อเหนี่ยวนำให้เกิดการงอกผมใหม่ รวมถึงทำให้ผมดูหนาขึ้นครับ มี 2 เทคนิคคือ ReCell Hair Micro Transplant และ ReCell Plus 3X

Share the Post:

Related Posts

นายแพทย์ดนัย ธรรมภิบาล

Education

  • แพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (Doctor of Medicine, Prince of Songkhla University)
  • วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ สำนักวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (Master of Science in Anti – Aging and Regenerative Medicine, School of Anti-Aging and Regenerative Medicine, Mae Fah Luang University)

Certification

  • Certified American Board of Hair Restoration Surgery (ABHRS)
  • Certified International Board of Hair Restoration Surgery (IBHRS)
  • Certified American Board in Anti-Aging Medicine (A4M)
  • Certified in Clinical Nutrition Wellness (CNW), American Naturopathic
  • Certification Board (ANCB)
  • Certified in Chelation Therapy, Chelation Medical Association Thai (CMAT)
  • Certified in Anti-Aging Exercise and Wellness Medicine, Mae Fah Luang University)
  • Certified in Hair Transplant Program, Thai Global Health Center Bangkok
  • Certified in the Asian Association of Hair Restoration Surgeons (AAHRS)
  • Certified in The European Organization of Hair Restoration Professionals (FUE Europe)
  • Member of The World FUE Institute
  • Associate member in International Society of Hair restoration Surgery (ISHRS)
  • Key opinion leader (KOL) in Asia for NeoGraft® by Venus Concept USA
  • Lecturer in PAVICON MEDINESS ACADEMY (Hair Transplant Training Academy)
  • Speaker in “Lion-Hair Implanter One-Step Hair Restoration System Workshop” by Hans Biomed (2020)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ครับ
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์

    ซึ่งเป็นคุกกี้ประเภทที่จดจำสิ่งที่ผู้ใช้บริการเลือกหรือตั้งค่าบนเว็บไซต์เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ภาษา ฟ้อนต์และรูปแบบการนำเสนอ ข้อมูลต่าง ๆ ที่ตรงความต้องการเฉพาะบุคคลให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้นตามการตั้งค่าที่เลือกไว้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

Save