PRP นอกจากจะเป็นนวัตกรรมที่ช่วยบำรุงผิวได้แล้ว ยังมีข้อดีเกี่ยวกับเส้นผมอีกด้วย! มาดูกันว่า การใช้ PRP จะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและลดปัญหาผมบาง ผมร่วงที่คุณมีได้อย่างไรบ้าง
PRP คืออะไร?
PRP (Platelet-Rich Plasma) คือพลาสมาที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นสูง ซึ่งได้จากเลือดของผู้รับการรักษาเอง โดยนำมาผ่านกระบวนการปั่นแยกเพื่อให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูง เกล็ดเลือดเหล่านี้อุดมไปด้วย Growth Factor หรือสารกระตุ้นการเจริญเติบโต ซึ่งมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูเซลล์และกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ เมื่อนำมาใช้กับหนังศีรษะ จะช่วยฟื้นฟูรากผมและเส้นผมที่อ่อนแอให้แข็งแรงขึ้น

PRP และข้อดีเกี่ยวกับเส้นผม
กระตุ้นการงอกของเส้นผม
ในกระบวนการงอกของเส้นผมนั้น จะมีช่วงที่รากผมเข้าสู่ “ระยะพัก” (Telogen Phase) ซึ่งเส้นผมจะไม่เจริญเติบโต PRP จะช่วยกระตุ้นให้รากผมที่อยู่ในระยะพัก กลับเข้าสู่ “ระยะเจริญเติบโต” (Anagen Phase) ได้อีกครั้ง ด้วย Growth Factor ที่อยู่ในเกล็ดเลือด ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์และการงอกใหม่ของเส้นผม
เพิ่มความแข็งแรงให้เส้นผม
PRP ไม่เพียงแต่กระตุ้นให้เส้นผมงอกใหม่ แต่ยังช่วยบำรุงเส้นผมเดิมที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงขึ้น ลดโอกาสการขาดหลุดร่วง ทำให้ผมไม่หลุดง่ายเมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะ หรือความเครียดจากการใช้สารเคมีกับผมบ่อย ๆ
เพิ่มความหนาของเส้นผม
หนึ่งในผลลัพธ์ที่เห็นได้จากการทำ PRP คือ เส้นผมที่ขึ้นใหม่จะมีลักษณะหนาและแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งเกิดจากการกระตุ้นให้รากผมทำงานได้ดีขึ้นและผลิตเส้นผมที่มีคุณภาพสูงกว่าเดิม เส้นผมที่เคยบางก็จะดูหนาแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ปลอดภัย
เพราะ PRP เป็นการใช้เลือดของผู้เข้ารับการรักษาเองโดยไม่ต้องใช้สารภายนอก จึงลดความเสี่ยงเรื่องการแพ้หรือผลข้างเคียงได้มาก เหมาะกับผู้ที่แพ้ง่าย
ไม่มีสารเคมี
เป็นวิธีที่ไม่มีการเติมสารเคมีหรือยาฮอร์โมนใด ๆ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเส้นผมโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการใช้ยาเร่งผมหรือผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงในระยะยาว
ฟื้นตัวเร็ว
หลังจากการฉีด PRP ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผลผ่าตัด และไม่ต้องกังวลกับภาวะแทรกซ้อน ทำให้สะดวกต่อคนที่มีเวลาจำกัด หรือทำงานประจำ
ขั้นตอนการทำ PRP
- เจาะเลือดจากข้อพับต้นแขน ประมาณ 10 – 20 cc
- นำเลือดมาปั่นเพื่อสกัดผ่านเครื่อง Centrifuge เพื่อให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นและมี Growth Factor สูง Centrifuge ที่มีคุณภาพจะให้เกล็ดเลือดจำนวนมากกว่า Centrifuge ธรรมดา
- แยกเกล็ดเลือดที่สมบูรณ์และเข้มข้นออกมา เพราะเมื่อผ่านเครื่อง Centrifuge แล้วเลือดของเราจะแบ่งออกเป็นชั้น และเฉพาะบริเวณที่มีเกล็ดเลือดสูงเท่านั้นที่จะนำมาใช้
- ฉีดเกล็ดเลือด PRP กลับเข้าไปสู่บริเวณที่มีปัญหา

การเตรียมตัวก่อนทำ PRP
เนื่องจากการทำ PRP เป็นหัตถการที่ต้องมีการเจาะเลือด ดังนั้น ก่อนทำ PRP มีข้อควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมงเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้เลือดไม่ข้นเกินไป และเจาะเลือดได้ง่าย
- งดรับประทานยาต้านการอักเสบและการแข็งตัวของเลือด ในกลุ่ม ASA หรือ NSAIDs ล่วงหน้า 2-3 วัน เพื่อป้องกันปัญหาเลือดออกง่าย
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2-3 วัน เพราะอาจส่งผลต่อคุณภาพของเกล็ดเลือด
- งดอาหารที่มีไขมันสูง เพื่อไม่ให้เลือดข้นหรือมีไขมันมากเกินไป
ข้อจำกัดเกี่ยวกับการทำ PRP
สำหรับในบางกลุ่ม อาจมีข้อจำกัด หรือข้อพิจารณาในการทำ PRP เป็นพิเศษ เช่น
- ผู้ที่มีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด เพราะอาจเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกไม่หยุด
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการรักษา
- ผู้ที่มีปัญหาโลหิตจาง เนื่องจากมีเม็ดเลือดแดงน้อยอยู่แล้ว การเจาะเลือดอาจทำให้อาการแย่ลง
- กลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยติดเชื้อ หรือผู้ที่มีโรคผิวหนังบางประเภท
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
PRP ปลูกผมได้จริงหรือไม่?
PRP ไม่ใช่การปลูกผมที่สามารถทำให้บริเวณศีรษะที่ไม่มีผมกลับมางอกขึ้นใหม่ได้ แต่เป็นการ
“ปลูกผม” ที่เคยอ่อนแอจากภาวะต่างๆ เสมือนการฟื้นฟูบำรุงเส้นผมที่เหมือนกับการใส่ปุ๋ยให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น
แต่สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาการปลูกผม แนะนำว่าควรทำ PRP ควบคู่กันไปด้วย เพราะ PRP จะช่วยหล่อเลี้ยงรากผม ทำให้เส้นผมที่ปลูกใหม่มีความแข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง และยังส่งผลให้ผมเติบโตดูหนาอีกด้วย
สรุปคือ PRP เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาผมบางหรือผมร่วง โดยเฉพาะในระยะเริ่มต้น หรือใช้เป็นการรักษาเสริมร่วมกับการปลูกผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนเข้ารับการรักษา
H2: Plasma Hair PRP ที่ BEQ Hair Center
Plasma Hair PRP ตัวช่วยปัญหาผมบาง หรือศีรษะล้าน ด้วยศาสตร์ Regenerative Medicine ผสานกับเทคโนโลยีนำเข้า สู่การกระตุ้นการฟื้นฟูรากผมในระยะพัก ให้เข้าสู่ระยะการงอกยาวเร็วขึ้น และยังช่วยยืดให้ระยะการงอกยาวนาน และเส้นผมแข็งแรงขึ้นด้วย เมื่อรักษาเป็นประจำทุกเดือน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://beqclinic.com/hair-wellness/rejuvenation-therapy/plasma-hair/