กินยาแล้วไม่ต้องปลูกผม ? 

การกินยาทำให้ผมงอก ลดผมร่วง ผมบาง ไม่ต้องรักษาด้วยการปลูกผม เกิดขึ้นได้จริงๆ หรือ?

เมื่อพูดถึงปัญหาผมร่วง ผมบาง หลายคนมักจะมองหาวิธีการรักษาที่ไม่ต้องเจ็บตัว หรือเสียค่าใช้จ่ายสูง การกินยาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนส่วนใหญ่หันไปใช้ เพราะคิดว่า “กินยาแล้วไม่ต้องปลูกผม” แต่คำถามคือ… การกินยาช่วยให้ผมงอก หรือหยุดผมร่วงได้จริงหรือ? 

ยา และวิตามินต่างกันอย่างไร?

ก่อนที่เราจะตอบคำถามนี้ได้ เราต้องทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง ยา และ วิตามิน หรือ อาหารเสริม ที่ใช้ในการดูแลผมก่อน

• ยา คือ สารที่ออกแบบมาเพื่อรักษา หรือบรรเทาอาการของโรคยาเหล่านี้ ผ่านกระบวนการวิจัย และพัฒนาโดยวิทยาศาสตร์การแพทย์ มักจะมีข้อบ่งชี้เฉพาะเจาะจงในการรักษาอาการต่างๆ เช่น ยาสำหรับผมร่วงที่มีส่วนผสมของ ฟิแนสเตอไรด์ (Finasteride) หรือ ไมนอกซิดิล (Minoxidil) ที่ใช้สำหรับการรักษาผมร่วง และกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม
• วิตามิน และอาหารเสริม คือ สารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีในร่างกาย โดยเฉพาะในกรณีที่เราได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจากการรับประทานอาหารปกติ วิตามินบางชนิดเช่น ไบโอติน (Biotin), วิตามินดี และ ซิงค์ อาจช่วยในการบำรุงเส้นผม แต่จะไม่สามารถรักษาผมร่วง หรือกระตุ้นการงอกของเส้นผมได้เหมือนยา

ยาที่ใช้รักษาผมร่วง ทำงานอย่างไร? 

ยาที่ใช้ในการรักษาผมร่วงมีส่วนผสมที่สามารถทำงานได้โดยการหยุดยั้งการทำงานของฮอร์โมนที่ทำให้เกิดผมร่วง เช่น ฟิแนสเตอไรด์ (Finasteride) ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการรักษาผมร่วงที่เกิดจากฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) โดยยาตัวนี้จะช่วยลดระดับ DHT ในร่างกาย ทำให้ผมไม่หลุดร่วงง่าย และสามารถช่วยให้ผมใหม่งอกขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ยา ไม่สามารถเพิ่มเซลล์รากผมที่ถูกทำลายไปแล้วให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง ถ้าในบริเวณนั้นไม่มีเซลล์รากผมที่แข็งแรง ยาที่ทานเข้าไปก็จะไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดการงอกของเส้นผมใหม่ได้

วิตามินช่วยได้ไหม?

ในขณะที่ วิตามิน หรือ อาหารเสริม จะไม่สามารถแก้ปัญหาผมร่วงจากสาเหตุทางฮอร์โมนได้ แต่สามารถช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงจากภายในได้ ซึ่งวิตามินที่นิยมใช้ในการบำรุงเส้นผม เช่น วิตามินบี 12, ไบโอติน, วิตามินดี, สารสกัดจาก วาซาบิ เปลือกกล้วย ทับทิม และ ซิงค์ อาจช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมในบางกรณี หรือในผู้ที่ขาดสารอาหารเหล่านี้

การใช้ ยา สำหรับการรักษาผมร่วงควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์ หรือเภสัชกรเท่านั้น เพราะยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด หรืออาจไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง นอกจากนี้ยังมี การจ่ายยา ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการเท่านั้นที่แพทย์ หรือเภสัชกรสามารถทำได้ ไม่แนะนำให้ซื้อยาเองจากร้านที่ไม่มีมาตรฐาน หรือสั่งซื้อยาผ่านเว็บไซต์ที่ไม่ได้รับการรับรองจากแพทย์

สำหรับ วิตามิน หรือ อาหารเสริม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง และมีการศึกษาผลลัพธ์

จากงานวิจัย โดยการทานวิตามินควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เช่น ไม่ควรทานวิตามินเกินขนาดที่แนะนำ ซึ่งการทานวิตามินเกินขนาดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่ดีต่อร่างกาย

คำแนะนำสำคัญ : ควรพบแพทย์ก่อนเริ่มการรักษา

ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ยา วิตามิน หรืออาหารเสริมในการรักษาผมร่วง คำแนะนำที่สำคัญที่สุด คือ การไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงของผมร่วงก่อน เพราะหากเรากินยาผิดหรือไม่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีหรือมีผลข้างเคียงได้

บางครั้งปัญหาผมร่วงอาจเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับเส้นผม หากไม่พบสาเหตุที่แท้จริง การใช้ยาโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์อาจไม่ช่วยอะไรเลย

สรุป

การกินยาอาจช่วยลดผมร่วง หรือกระตุ้นการงอกของเส้นผมในบางกรณี แต่ ยาไม่ได้สามารถสร้างผมใหม่ ในบริเวณที่ไม่มีเซลล์รากผมได้ นอกจากนี้ วิตามิน และอาหารเสริม ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงขึ้นจากภายใน แต่ไม่สามารถทดแทนการปลูกผมได้

การรักษาผมร่วงที่มีประสิทธิภาพจริงๆ จำเป็นต้องเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาผมร่วง และเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม เช่น การปลูกผม ซึ่งจะเป็นทางเลือกที่สามารถแก้ไขปัญหาผมร่วงได้อย่างยั่งยืน

อย่าลืม ! ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจใช้ยา วิตามิน หรืออาหารเสริมเพื่อรักษาผมร่วง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุด