ผมบางกลางหัว อาจส่งผลต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์ในระยะยาว บางคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติของอายุหรือพันธุกรรม แต่ความจริงแล้วมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหานี้ หากเข้าใจสาเหตุและดูแลอย่างถูกวิธีตั้งแต่เนิ่นๆ ก็สามารถชะลอหรือฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงได้
ผมบางกลางหัว คืออะไร?
ผมบางกลางหัวจัดเป็น “Male Pattern Baldness” อีกรูแบบหนึ่ง คือ ภาวะที่เส้นผมในบริเวณกลางศีรษะเริ่มบางลงและหลุดร่วงมากกว่าปกติ แล้วค่อยๆ แผ่ขยายออกไปรอบๆ
ในระยะแรก คุณอาจสังเกตเห็นว่าเส้นผมในบริเวณนี้เริ่มเล็กลงและมีสีจางกว่าเดิม หลังจากนั้นจะค่อยๆ หลุดร่วงจนเหลือเพียงขนปุยเล็กๆ หรือไม่มีเส้นผมเลย

ความแตกต่างระหว่างผมบางธรรมดา กับผมบางเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ
ผมบางทั่วไปมักเกิดจากปัจจัยชั่วคราว เช่น ความเครียด โรคไข้ หรือการขาดสารอาหาร ซึ่งเมื่อสาเหตุหายไปแล้ว ผมก็จะกลับมาปกติได้
แต่ผมบางกลางหัวจะมีลักษณะเฉพาะคือ บางเฉพาะในบริเวณกลางศีรษะและด้านหน้า ขณะที่ด้านข้างและด้านหลังยังคงหนาอยู่ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มแย่ลงเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม
ใครบ้างที่มีความเสี่ยงเป็นผมบางกลางหัว
- ผู้ชายอายุ 25-35 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นผมบาง
- ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
- คนที่มีความเครียดสูงหรือไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
4 สาเหตุของผมบางกลางหัว
- พันธุกรรม พันธุกรรมเป็นสาเหตุหลักที่สำคัญที่สุด หากพ่อหรือปู่ย่าตายายเป็นผมบาง โอกาสที่คุณจะเป็นก็สูงตามไปด้วย โดยยีนที่ควบคุมเรื่องนี้จะส่งผ่านมาทั้งจากฝั่งพ่อและฝั่งแม่
- ฮอร์โมน DHT ฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน จะไปจับกับรากผมและทำให้รากผมหดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมบางและหลุดร่วงง่าย
- ความเครียดสะสม ความเครียดจากการทำงาน ปัญหาส่วนตัว หรือการนอนไม่เพียงพอ จะส่งผลให้ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงและเร่งให้ผมร่วงมากขึ้น
- อายุที่มากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตฮอร์โมนและการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผมจะลดลง ทำให้เส้นผมเริ่มบางลงเป็นธรรมชาติ
3 ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อเส้นผม
- การใช้สารเคมีหรือผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง แชมพูที่มีซัลเฟตเข้มข้น ครีมนวด หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งผมที่มีสารเคมีแรง อาจทำให้หนังศีรษะอักเสบและส่งผลต่อสุขภาพเส้นผม
- มลภาวะและแสงแดด ฝุ่นละออง ควันไฟ และรังสี UV จากแสงแดดจะสร้างอนุมูลอิสระที่ทำลายโครงสร้างเส้นผม ทำให้ผมเปราะและหลุดร่วงง่าย
- การทำสี ดัด ยืด หรือจัดแต่งผมบ่อยเกินไป ความร้อนสูงจากเครื่องเป่าผม เครื่องดัดผม หรือสารเคมีจากการทำสีผม จะทำลายโครงสร้างเส้นผมและรากผม หากทำบ่อยเกินไปจะส่งผลให้ผมบางลงได้
5 วิธีดูแลผมบางกลางหัวเบื้องต้นด้วยตัวเอง
- ใช้แชมพูอ่อนโยน ไม่มีซัลเฟต เลือกแชมพูที่ไม่มีซัลเฟต (Sulfate-free) เพราะจะไม่ทำให้หนังศีรษะแห้งเกินไป และควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมบำรุงเส้นผม เช่น คีราติน หรือสารสกัดจากสมุนไพร
- หลีกเลี่ยงการรัดผมแน่นหรือใช้ความร้อนสูง การผูกผมแน่นหรือใช้เครื่องเป่าผมที่ความร้อนสูงจะทำให้รากผมอ่อนแอ ควรปล่อยผมให้แห้งเองหรือใช้ความร้อนที่อุณหภูมิต่ำ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ ร่วมกับการนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน จะช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนสมดุล
- หมั่นนวดหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด การนวดหนังศีรษะเบาๆ ด้วยปลายนิ้วเป็นเวลา 5-10 นาทีก่อนสระผม จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผม
- พิจารณาเสริมด้วยอาหารเสริมหรือวิตามิน หากรับประทานอาหารไม่ครบถ้วน อาจพิจารณาทานวิตามินบำรุงเส้นผมที่มีส่วนผสมครบถ้วน แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
7 วิตามินบำรุงเส้นผม กับบทบาทสำคัญในการลดผมบาง
- วิตามิน B7 (Biotin) – ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ไบโอตินเป็นวิตามินที่จำเป็นสำหรับการสร้างเคราตินซึ่งเป็นโปรตีนหลักของเส้นผม การได้รับไบโอตินเพียงพอจะช่วยให้เส้นผมแข็งแรงและลดการหลุดร่วง
- วิตามิน A – บำรุงหนังศีรษะให้ชุ่มชื้น วิตามิน A ช่วยในการผลิตน้ำมันธรรมชาติของหนังศีรษะ ทำให้หนังศีรษะไม่แห้งเกินไปและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการเจริญเติบโตของเส้นผม
- วิตามิน C และ E – ต้านอนุมูลอิสระ ลดผมร่วง วิตามิน C และ E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากความเสียหายจากสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้วิตามิน C ยังช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กซึ่งจำเป็นสำหรับเส้นผม
- วิตามิน D – ช่วยเสริมความแข็งแรงของรากผม การขาดวิตามิน D มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาผมร่วง วิตามิน D ช่วยกระตุ้นรากผมให้แข็งแรงและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่
- ซิงค์ (Zinc) – ลดอาการอักเสบของหนังศีรษะ ซิงค์ช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและควบคุมการผลิตน้ำมันหนังศีรษะ การขาดซิงค์อาจทำให้เกิดผมร่วงได้
อาหารที่มีสารบำรุงเส้นผม
- ปลาแซลมอน ไข่ ถั่ว เมล็ดทานตะวัน อาหารเหล่านี้อุดมไปด้วยโปรตีน โอเมก้า 3 และไบโอติน ที่ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ปลาแซลมอนและไข่ยังมีวิตามิน D สูงด้วย
- ผักใบเขียวและผลไม้รสเปรี้ยว ผักใบเขียวเช่น ผักโขม เคล มีธาตุเหล็กและโฟเลตสูง ส่วนผลไม้รสเปรี้ยวเช่น ส้ม เลมอน มีวิตามิน C ที่ช่วยดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
3 สัญญาณที่ควรรีบพบแพทย์
- ผมบางผิดปกติในเวลาสั้นๆ หากพบว่าผมบางลงอย่างรวดเร็วภายใน 2-3 เดือน ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ
- ผมร่วงเป็นหย่อม การผมร่วงเป็นหย่อมกลมๆ อาจเป็นสัญญาณของโรค Alopecia Areata ซึ่งต้องได้รับการรักษาจากแพทย์โดยตรง
- หนังศีรษะอักเสบหรือมีแผลร่วมด้วย หากมีอาการคัน ผื่นแดง หรือแผลที่หนังศีรษะร่วมกับผมร่วง อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือโรคผิวหนัง
ทางเลือกในการรักษาผมบางกลางหัวอย่างมีประสิทธิภาพ
1. การใช้ยาและวิตามินเสริม
ยากลุ่ม Minoxidil หรือ Finasteride
Minoxidil เป็นยาทาที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผม ส่วน Finasteride เป็นยาทานที่ช่วยลดฮอร์โมน DHT แต่ทั้งสองยาต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น
2. การปลูกผมถาวร (Hair Transplant)
เหมาะกับผู้ที่ผมบางจนไม่สามารถฟื้นฟูด้วยวิธีทั่วไป สำหรับผู้ที่ผมบางมากจนเหลือเพียงขนปุยหรือไม่มีเส้นผมเลย การปลูกผมจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ให้ผลลัพธ์ถาวรและเป็นธรรมชาติ เทคนิคการปลูกผมสมัยใหม่ เช่น Neograft+ และ Long Hair DHI จะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและคงทนถาวร โดยใช้เส้นผมจากด้านหลังหัวของคนไข้เอง
ปรึกษาทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่ BEQ Hair Center ดูแลปัญหาผมบางอย่างตรงจุด
ผมบางกลางหัวไม่ใช่ปัญหาที่ต้องยอมรับ หากได้รับการดูแลที่ถูกต้องและรวดเร็ว คุณสามารถชะลอหรือหยุดการเสื่อมสภาพได้ เริ่มต้นด้วยการปรึกษาเรา เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ทีมแพทย์ชำนาญการด้านเส้นผม
BEQ Hair Center มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์และความชำนาญด้านการดูแลรักษาปัญหาเส้นผมโดยเฉพาะ พร้อมให้คำปรึกษาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล
วิเคราะห์สภาพหนังศีรษะด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีล้ำสมัย
ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง AI + 3D Simulation ในการตรวจวิเคราะห์สภาพหนังศีรษะและรากผม เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาผมบางและวางแผนการรักษาตรงจุดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของคนไข้
แนะนำวิธีรักษาเฉพาะบุคคลทั้งการใช้ยา วิตามิน และการปลูกผม
ไม่ใช่การรักษาแบบเหมารวม แต่จะประเมินสภาพและความต้องการของแต่ละคนเพื่อเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา วิตามิน หรือการปลูกผม
สามารถติดต่อรับคำปรึกษาและนัดหมายได้ที่
โทรศัพท์: 094-441-4965Line: https://line.me/ti/p/@beq_haircenter
E-mail: Marketing@beqhaircenter.com
Google Map : คลิก
BEQ Hair Center ชั้น 3 อาคารซีพี ทาวเวอร์ (สีลม) , ถนนสีลม บางรัก , กรุงเทพมหานคร 10500
เวลาทำการ: จันทร์ – อาทิตย์ 10.00 – 19.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)