สีย้อมผมเป็นหนึ่งในวิธีเปลี่ยนลุคยอดฮิตที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพและเพิ่มความมั่นใจได้ทันที แต่การย้อมผมบ่อย ๆ โดยไม่เข้าใจถึงประเภทของสีย้อมและผลกระทบ อาจทำให้เส้นผมแห้งเสียหรือเกิดอาการแพ้ได้!
ประเภทของสีย้อมผม
1. สีย้อมผมถาวร (Permanent Hair Dye)
สีย้อมผมถาวรเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะได้ผลลัพธ์ที่คงทนและสีสันที่ชัดเจน สีย้อมชนิดนี้จะทำงานโดยการเปิดเส้นผมและแทรกสีเข้าไปในเปลือกผม ทำให้สีคงอยู่ได้นานจนกว่าผมจะขึ้นใหม่ อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้ใช้สารเคมีที่ค่อนข้างแรง จึงอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพเส้นผมได้
2. สีย้อมผมกึ่งถาวร (Semi-permanent)
สีย้อมผมกึ่งถาวรเป็นทางเลือกที่อ่อนโยนกว่า เนื่องจากไม่ใช้แอมโมเนียหรือสารเคมีที่รุนแรงในการเปิดเส้นผม สีจะติดอยู่บริเวณผิวหน้าของเส้นผมและค่อยๆ ชะล้างออกหลังสระผมประมาณ 4-6 สัปดาห์
3. สีย้อมผมชั่วคราว (Temporary)
สีย้อมผมชั่วคราวเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เนื่องจากสีจะติดเพียงผิวชั้นบนสุดของเส้นผมเท่านั้น สามารถชะล้างออกได้ด้วยการสระผม 1-2 ครั้ง เหมาะสำหรับงานปาร์ตี้ หรือการทดลองสีก่อนตัดสินใจย้อมแบบถาวร
ส่วนประกอบของสีย้อมผม
แอมโมเนีย (Ammonia) ทำหน้าที่เปิดเปลือกเส้นผม (hair cuticle) เพื่อให้สีเข้าไปสู่เนื้อในของเส้นผม และช่วยเพิ่มค่า pH ให้เหมาะสมกับกระบวนการย้อม
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) เป็นตัวออกซิไดซ์ที่ทำหน้าที่ทำลายเม็ดสีเดิมในเส้นผม และช่วยให้สีใหม่เกิดปฏิกิริยาเคมีจับตัวกันภายในเส้นผม
สารให้สี (Dyes) เช่น:
- PPD (Para-phenylenediamine) และอนุพันธ์
- Resorcinol
- Aminophenol และสารประกอบอื่นๆ
สารช่วยต่างๆ เช่น สารทำให้เนื้อครีมเนียน สารป้องกันการเสื่อมสภาพ และสารปรับกลิ่น
นอกจากนี้ ในบางยี่ห้อยังมีการใช้สารสกัดจากธรรมชาติมาเป็นสารให้สี เช่น เฮนน่า (Henna) จากใบพืช Lawsonia inermis ให้สีแดงส้ม อินดิโก (Indigo) จากพืช Indigofera tinctoria ให้สีน้ำเงินดำ คัสเซีย (Cassia) ให้สีเหลืองทอง หรือสารสกัดจากผลไม้และผัก เช่น บีต (สีแดง) แครอท (สีส้ม) และผักโขม (สีเขียว)
ข้อดีของการย้อมผม
1. สร้างบุคลิกภาพใหม่
การเปลี่ยนสีผมเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ สีผมใหม่สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจ ทำให้รู้สึกสดใสขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยปรับลุคให้ดูทันสมัยและเข้ากับเทรนด์แฟชั่นปัจจุบัน
2. ช่วยปกปิดผมหงอก
สำหรับผู้ที่เริ่มมีผมหงอกหรือผมสีขาว การย้อมผมก็เป็นทางเลือกในการปกปิดสีผมที่ไม่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะกับผู้ที่เริ่มมีผมหงอกตั้งแต่อายุยังน้อย หรือมีผมหงอกเป็นจุดๆ
ข้อเสียและความเสี่ยงของการใช้สีย้อมผม
1. ผลกระทบต่อเส้นผมและหนังศีรษะ
- ผมแห้ง แตกปลาย ขาดง่าย
- หนังศีรษะอาจเกิดการระคายเคืองจากสารเคมี
2. ความเสี่ยงจากสารเคมี
- อาจเกิดอาการแพ้ เช่น คัน ผื่นแดง
- การสะสมของสารเคมีอาจส่งผลเสียระยะยาว
ทางเลือกสีย้อมผมที่ดีต่อสุขภาพผมมากขึ้น

1. เลือกสีย้อมผมที่ไม่มีแอมโมเนีย
แอมโมเนียเป็นสารเคมีที่ช่วยเปิดเกล็ดผมเพื่อให้สีซึมลึก แต่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมแห้งเสียและหนังศีรษะระคายเคือง สีย้อมผมแบบ ไม่มีแอมโมเนีย (Ammonia-Free) จึงกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมในกลุ่มคนรักผม เพราะช่วยลดการระคายเคือง โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวหนังบอบบางหรือมีปัญหาเรื่องหนังศีรษะ และยังกลิ่นไม่ฉุน ไม่ก่อให้เกิดอาการแสบตาหรือเวียนหัวระหว่างการใช้งาน
2. เลือกสีย้อมผมออร์แกนิก หรือใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ
อีกหนึ่งทางเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะกับคนรักสุขภาพผม คือการใช้สารสกัดจากพืชสมุนไพร เช่น ดอกอัญชัน มะกรูด ว่านหางจระเข้ หรือเฮนน่า ซึ่งอ่อนโยนและมีคุณสมบัติช่วยบำรุงเส้นผม
เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้ง่าย หรือผู้ที่ต้องการเลี่ยงการสะสมของสารเคมีในร่างกาย ถึงแม้สีอาจไม่ติดทนเท่าสีย้อมเคมี แต่ก็ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้เส้นผม เงางาม และไม่แห้งกรอบหลังทำสี
ข้อควรระวังก่อนและหลังการย้อมผม
ก่อนย้อมผม
- ทดสอบการแพ้ก่อนใช้ทุกครั้ง : ป้ายเนื้อสีเล็กน้อยลงบนหลังใบหูหรือข้อพับทิ้งไว้ 24–48 ชั่วโมง หากมีผื่น คัน หรือแดง ควรงดใช้
- อย่าย้อมผมซ้ำบ่อยเกินไป: การย้อมผมบ่อยเกินความจำเป็นจะทำให้ผมสูญเสียความชุ่มชื้น ผมเปราะบางและขาดง่าย ควรเว้นระยะอย่างน้อย 4–6 สัปดาห์
หลังย้อมผม
- หลีกเลี่ยงการสระผมทันทีหลังย้อม: ควรรออย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนสระผมครั้งแรก เพื่อให้เม็ดสีมีเวลายึดเกาะเส้นผมได้ดียิ่งขึ้น
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผมสำหรับผมทำสี: แชมพูและครีมนวดเฉพาะสำหรับผมทำสี จะช่วยถนอมเม็ดสี และลดการซีดจางของสีผม
- บำรุงผมอย่างสม่ำเสมอ: ใช้ทรีตเมนต์ หรือหมักผมด้วยน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันอาร์แกน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อฟื้นฟูผมให้กลับมานุ่มสวย สุขภาพดี
หากผมเสียจากการย้อมผม ควรดูแลอย่างไร
แม้การย้อมผมจะช่วยเสริมลุคให้ดูดี แต่ก็มีความเสี่ยงต่อสุขภาพเส้นผม โดยเฉพาะหากทำสีบ่อยหรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง หากคุณพบว่าผมเริ่มแห้งเสีย หรือมีอาการผมร่วงหลังการทำสี ควรเริ่มดูแลและฟื้นฟูทันที
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผม: เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเคราติน น้ำมันธรรมชาติ หรือโปรตีนสกัด เช่น มาสก์ผม ทรีตเมนต์เข้มข้น หรือครีมหมักผม
- หมักผมอย่างสม่ำเสมอ: สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผมให้กลับมาแข็งแรง นุ่มลื่น
- หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อน: เช่น การเป่าผมตรงหรือหนีบผม เพราะจะทำให้ผมที่แห้งอยู่แล้ว เสียหายยิ่งขึ้น
- งดใช้สารเคมีเพิ่มเติม: เช่น การยืด ดัด หรือย้อมซ้ำในช่วงที่ผมยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
หากพบว่าผมร่วงมากผิดปกติ หรือมีลักษณะผมร่วงเป็นหย่อม หรือแนวผมเริ่มร่นจากเดิม อาจเป็นสัญญาณของปัญหารากผมที่อ่อนแอจากสารเคมีสะสม อาการเหล่านี้ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจพัฒนาไปสู่ภาวะผมบางถาวร ควรรีบปรึกษาผู้ชำนาญการด้านเส้นผมเพื่อประเมินสุขภาพรากผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด
ทางเลือกในการฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมกับ BEQ Hair Center
หากการดูแลด้วยผลิตภัณฑ์ทั่วไปยังไม่เพียงพอ การเข้ารับคำปรึกษาจากผู้ชำนาญการด้านเส้นผมโดยตรงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและแม่นยำ โดยเฉพาะกับผู้ที่ทำสีผมเป็นประจำและเริ่มมีปัญหาผมบางหรือผมร่วง BEQ Hair Center พร้อมดูแลและฟื้นฟูเส้นผม ด้วยการวิเคราะห์ปัญหาเส้นผมอย่างลึกซึ้งและออกแบบการรักษาอย่างตรงจุด
สามารถติดต่อรับคำปรึกษาและนัดหมายได้ที่
โทรศัพท์: 094-441-4965Line: https://line.me/ti/p/@beq_haircenter
E-mail: Marketing@beqhaircenter.com
Google Map : คลิก
BEQ Hair Center ชั้น 3 อาคารซีพี ทาวเวอร์ (สีลม) , ถนนสีลม บางรัก , กรุงเทพมหานคร 10500
เวลาทำการ: จันทร์ – อาทิตย์ 10.00 – 19.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)