ปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือศีรษะล้าน เป็นเรื่องที่หลายคนกังวลใจ และหนึ่งในทางเลือกแรกที่คิดถึงคือ “ยาปลูกผม” แต่จริงแล้วยาปลูกผมคืออะไร มีกี่แบบ ใช้แล้วเห็นผลจริงหรือไม่ และแตกต่างจากการปลูกผมถาวรอย่างไร วันนี้เราจะมาให้ข้อมูลเพื่อให้คุณเลือกวิธีแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือศีรษะล้านที่เหมาะสมที่สุด
แต่ก่อนอื่น ต้องเข้าใจว่า “ยาปลูกผม” ในความเข้าใจของคนทั่วไป และเอ่ยถึงในบทความนี้ จริงๆ แล้วไม่ได้ช่วยให้ผมในบริเวณที่หัวล้านถาวรนั้นงอกใหม่ แต่หมายถึง ยาและการรักษา ที่ช่วยชะลอผมร่วง ฟื้นฟูรากผม และกระตุ้นให้ผมที่ยังมีอยู่แข็งแรงขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือย้ายรากผม ซึ่งผลลัพธ์และกลไกการทำงานแตกต่างจากการปลูกผมย้ายรากอย่างมาก
ยาปลูกผมมีกี่แบบ?
1. ยารับประทาน
ยาปลูกผมแบบรับประทานที่ได้รับการยอมรับในทางการแพทย์คือ Finasteride และ Dutasteride ยาเหล่านี้ทำงานโดยการยับยั้งการสร้างฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการร่วงผม
ประสิทธิภาพ: ช่วยชะลอการร่วงของผมได้ และสามารถทำให้ผมหนาขึ้นได้
2. ยาทาเฉพาะที่
Minoxidil เป็นยาทาที่ได้รับการรับรองจาก FDA มีทั้งความเข้มข้น 2% และ 5% กลไกการทำงานที่แท้จริงนั้นบังไม่ทราบแน่ชัด คาดว่าโดยการขยายหลอดเลือดบริเวณหนังศีรษะ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และกระตุ้นการเจริญเติบโตของรากผม
ประสิทธิภาพ: ช่วยให้ผมหนาขึ้นและลดการร่วงได้
3. ยาฉีดฟื้นฟูรากผม
การฉีดสารต่างๆ เพื่อฟื้นฟูรากผม เช่น การฉีด PRP (Platelet-Rich Plasma) การฉีดวิตามิน แม้ว่าจะไม่ใช่ “ยา” ในความหมายแท้จริง แต่หลายคนเข้าใจว่าเป็นยาปลูกผมชนิดหนึ่ง
ประสิทธิภาพ: ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและการเจริญเติบโตของรากผม
ข้อดีและข้อจำกัดของยาปลูกผม
ข้อดีของยาปลูกผม
ยาปลูกผมมีจุดเด่นหลายอย่างที่ทำให้หลายคนเลือกใช้เป็นทางเลือกแรก ได้แก่ ความสะดวกในการใช้ ไม่ต้องผ่าตัดหรือมีแผล ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับการปลูกผม และสามารถใช้ได้ในช่วงแรกของการร่วงผม
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงในระยะเริ่มต้น ยาปลูกผมสามารถช่วยชะลอการร่วงและทำให้ผมหนาขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการใช้ร่วมกันระหว่างยารับประทานและยาทา
ผลข้างเคียงที่ควรรู้/ข้อจำกัดการใช้งาน
ยารับประทานอาจมีผลข้างเคียงด้าน เช่น เชื่อว่าลดความต้องการทางเพศ หรือเกิดปัญหาการแข็งตัว ใน และมีข้อห้ามการใช้งานในสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
ส่วนยาทา Minoxidil อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหนังศีรษะ ผมแห้ง หรือมีขนขึ้นบริเวณที่ไม่ต้องการ
แต่ข้อจำกัดสำคัญคือ ยาปลูกผม หรือยาช่วยรักษาเส้นผมทั้งหมดนี้ ไม่สามารถทำให้ผมงอกขึ้นมาได้ใหม่ในบริเวณที่ศีรษะที่ล้าน ที่ไม่มีรากผมหรือหัวโล้นมานานแล้ว ไม่มีประสิทธิภาพในกรณีที่รากผมตายไปแล้ว
ต้องใช้ต่อเนื่องหรือไม่?
ยาปลูกผมต้องใช้ต่อเนื่องตลอดชีวิต หากหยุดใช้ ผมจะกลับมาร่วงเหมือนเดิมภายใน 1-3 เดือน เนื่องจากยาเหล่านี้ไม่ได้รักษาสาเหตุของปัญหาให้หายไปจากร่างกายได้ แต่เป็นเพียงแค่การควบคุมอาการเท่านั้น
เทียบระหว่าง ยาปลูกผม vs ปลูกผมถาวร ควรเลือกแบบไหน
ความแตกต่างสำคัญระหว่างสองวิธีนี้ คือ การปลูกผมถาวร ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและคงทน เพราะเป็นการย้ายรากผมจริงจากบริเวณที่แข็งแรงที่ไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT มาปลูกในบริเวณที่ผมบางหรือศีรษะล้าน ทำให้เส้นผมที่ขึ้นใหม่มีคุณสมบัติเหมือนผมเดิม และไม่หลุดร่วงจากจากฮอร์โมน DHTอีก
ในขณะที่ ยาปลูกผม เป็นการรักษาที่จะช่วยชะลอการร่วงและกระตุ้นการงอกของเส้นผมใหม่ เฉพาะกับบริเวณที่ยังมีรากผมเท่านั้น และผลลัพธ์จะอยู่ได้เพียงช่วงที่ใช้อย่างต่อเนื่อง หากหยุดใช้ ผมที่งอกขึ้นมาใหม่อาจร่วงกลับไปเหมือนเดิม
ยาปลูกผมเหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบางในระยะเริ่มต้น
- ผู้ที่ยังมีรากผมแข็งแรงเพียงพอในบริเวณที่ผมร่วง
- ผู้ที่ต้องการชะลออาการผมร่วงเพิ่มเติม
- ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
- ผู้ที่ไม่ต้องการเข้ารับการผ่าตัด
การปลูกผมถาวรเหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้านถาวร จนยาปลูกผมไม่สามารถแก้ไขได้
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร ไม่ต้องพึ่งการใช้ยาต่อเนื่อง
- ผู้ที่มีรากผมด้านหลังและด้านข้างเพียงพอสำหรับการย้ายปลูก
- ผู้ที่พร้อมลงทุนเพื่อแก้ปัญหาเพียงครั้งเดียวจบ
- ผู้ที่ต้องการปรับแนวไรผมหรือเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม
หากยาปลูกผมไม่ได้ผล ควรทำอย่างไร?
เมื่อใช้ยาปลูกผมครบ 6-12 เดือนแล้วไม่เห็นผลลัพธ์ หรือผมยังคงร่วงต่อไป แสดงว่าปัญหาของคุณอาจต้องการการรักษาแบบอื่น ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินสถานะของรากผมและหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการผมร่วง
หากรากผมในบริเวณที่ล้านตายไปแล้ว การปลูกผมถาวรจะเป็นทางเลือกเดียวที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยเทคโนโลยีปัจจุบันและประสบการณ์ของทีมแพทย์ ที่ BEQ Hair Center สามารถปลูกผมได้อย่างมีประสิทธิภาพและดูเป็นธรรมชาติ
BEQ Hair Center คลินิกปลูกผมและดูแลเส้นผมครบวงจร
BEQ Hair Center มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเส้นผมโดยเฉพาะ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ในการรักษาปัญหาผมบาง ผมร่วง และการปลูกผม ด้วยความชำนาญและเทคโนโลยีล่าสุด ทำให้สามารถวินิจฉัยปัญหาได้อย่างแม่นยำและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุด
เราเข้าใจว่าปัญหาผมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงมีการวางแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคล โดยพิจารณาจากอายุ สาเหตุการร่วงของเส้นผม สุขภาพโดยรวม และความต้องการของผู้คนไข้แต่ละราย
ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา การฉีดฟื้นฟูรากผม หรือการปลูกผมถาวร เราจะแนะนำทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด และเหมาะสมกับคุณที่สุด
โทรศัพท์: 094-441-4965
Line: https://line.me/ti/p/@beq_haircenter
E-mail: Marketing@beqhaircenter.com