อาการผมร่วงเป็นเรื่องที่หลายคนเคยเจอ แต่ถ้าผมร่วงมากผิดปกติจนผมบางลง หรือเริ่มศีรษะล้าน สาเหตุสำคัญที่มักถูกพูดถึงคือ “ฮอร์โมน” อิทธิพลของฮอร์โมนในร่างกายอาจทำให้รากผมอ่อนแอจนไม่สามารถสร้างเส้นผมใหม่ได้ตามปกติ หลายคนจึงตั้งคำถามว่า ผมร่วงเพราะฮอร์โมนรักษาได้หรือไม่? และการปลูกผมช่วยแก้ได้จริงหรือเปล่า?
บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจอย่างละเอียด ตั้งแต่สาเหตุของผมร่วงเพราะฮอร์โมน วิธีการรักษา ตลอดจนการเลือก คลินิกปลูกผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด
ผมร่วงเพราะฮอร์โมนคืออะไร?
ร่างกายของคนเราถูกควบคุมโดยฮอร์โมนหลายชนิด หนึ่งในนั้น คือ ฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับเส้นผม โดยเฉพาะฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศชายที่มีชื่อว่าเทสโทสเตอโรนในผู้ชาย และฮอร์โมน DHEA ในผู้หญิง
- เมื่อระดับ DHT สูงหรือมีความไวต่อฮอร์โมนเกินไป จะไปยับยั้งวงจรการเจริญเติบโตของเส้นผม
- รากผมค่อย ๆ ฝ่อตัวลง เส้นผมใหม่ที่ขึ้นมาจะบางลงเรื่อย ๆ
- จนในที่สุดเส้นผมไม่สามารถงอกใหม่ได้
นี่จึงเป็นที่มาของอาการ ผมร่วง ผมบาง และหัวล้าน ซึ่งพบได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง
ลักษณะอาการของผมร่วงจากฮอร์โมน
- ผู้ชาย
- มักเริ่มผมร่วงบริเวณไรผมด้านหน้า (M-shaped หรือ C-shaped hairline)
- อาจมีผมบางตรงกลางศีรษะและขยายเป็นวงกว้างร่วมด้วย
- หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจหัวล้านถาวรได้
- ผู้หญิง
- ไม่ค่อยพบไรผมถอยร่นชัดเจน แต่จะผมบางทั่วทั้งศีรษะ
- เส้นผมเล็กลง ไม่หนาแน่นเหมือนเดิม
- มักเริ่มเห็นชัดบริเวณแสกกลางหัว
ปัจจัยกระตุ้นให้ผมร่วงเพราะฮอร์โมน
แม้ฮอร์โมน DHT จะเป็นปัจจัยหลัก แต่ยังมีสิ่งอื่นที่กระตุ้นให้ผมร่วงเร็วขึ้น เช่น
- พันธุกรรม หากครอบครัวมีประวัติหัวล้าน จะมีโอกาสเกิดมากขึ้น
- อายุที่เพิ่มขึ้น ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงตามวัย
- ความเครียดและการพักผ่อนน้อย ทำให้สมดุลฮอร์โมนเสียไป
- สุขภาพและโรคประจำตัว เช่น โรคไทรอยด์, ภาวะหลังคลอด, การใช้ยาฮอร์โมน
ผมร่วงเพราะฮอร์โมนรักษาได้ไหม?
คำตอบคือ รักษาได้ แต่ต้องเลือกวิธีที่เหมาะสมตามระดับความรุนแรง ซึ่งแบ่งออกได้ดังนี้
1. การใช้ยาและการรักษาทางการแพทย์
แพทย์อาจสั่งจ่ายยาที่ช่วยชะลอการหลุดร่วงและกระตุ้นการงอกของเส้นผม เช่น
- ยาลดระดับ DHT เพื่อป้องกันรากผมฝ่อ
- ยากระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะ
อย่างไรก็ตาม ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และต้องใช้ต่อเนื่อง
2. การดูแลสุขภาพและโภชนาการ
- รับประทานอาหารที่มีโปรตีนและแร่ธาตุ เช่น สังกะสี เหล็ก ไบโอติน
- ลดความเครียด ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ และพักผ่อนให้เพียงพอ
- เลี่ยงการทำเคมีรุนแรงกับเส้นผมบ่อยเกินไป
3. การปลูกผม (Hair Transplant)
ที่ BEQ HAIR CENTER มีทีมแพทย์และผู้ชำนาญทั้งในด้านการปลูกผม รวมถึงสาขาอื่นๆ อีกทั้งยังได้มีการพัฒนาปรับปรุงเทคนิคใหม่ๆ ตลอดเวลา นอกจากนี้เราได้มีการปรับการใช้งานเครื่องมือแพทย์ต่างๆ ให้เข้ากับสภาพปัญหาของแต่ละคน ด้วยโปรแกรมการปลูกผมที่ทันสมัย ทำให้ทุกนาทีของการดูแลแก้ปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะ เป็นเรื่องไม่ยุ่งยาก คุ้มค่า ใช้เวลาน้อย และตามงบประมาณของลูกค้าแต่ละท่าน เรามุ่งหวังให้ลูกค้าได้ผลลัพธ์ที่ดีจนสามารถสัมผัสได้ด้วยตัวเอง
การเลือกคลินิกปลูกผมสำคัญอย่างไร?
เมื่อพูดถึงการรักษาที่ได้ผลชัดเจน การเลือก คลินิกปลูกผม ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ เพราะหากเลือกไม่ดี อาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจหรือเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจปลูกผม ได้แก่:
- ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ ทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการปลูกผม
- เทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่ BEQ HAIR CENTER เรามีหลากหลายเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่หลากหลาย เช่น FUE, DHI , Long Hair DHI ที่บาดแผลมีขนาดเล็ก ฟื้นตัวไว
- รีวิวจากผู้ใช้จริง เพื่อดูผลลัพธ์ก่อน–หลังปลูกผม
- การดูแลหลังการรักษา มีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องไม่ทิ้งเคส
ที่ BEQ HAIR CENTER เรามีหลากหลายโปรแกรมการปลูกผมที่นิยมในปัจจุบัน
โปรแกรมนี้จะใช้การเจาะเอารากผมที่แข็งแรงที่สุด จากบริเวณท้ายทอยที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT มาทำการปลูกผม เมื่อปลูกผมเสร็จก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติได้รวดเร็วกว่าการปลูกผมด้วย FUT
เป็นการปลูกผมถาวรด้วยโปรแกรม FUE ประเภทหนึ่ง ซึ่งมีขั้นตอนการเจาะนำกราฟต์ที่บริเวณท้ายทอย (Donor Area) ออกมาเช่นเดียวกัน แต่ในขั้นตอนการปลูก หากเป็น FUE แบบดั้งเดิมนั้น แพทย์จะต้องใช้เข็มเจาะลงไปบนหนังศีรษะก่อน เพื่อให้เกิดรู แล้วจึงใช้ Forceps คีบกราฟต์ผมมาใส่ลงไปในรูเจาะนั้น ในขณะที่โปรแกรม DHI สามารถปัก และปลูกผมทีละเส้นได้ภายในครั้งเดียว ด้วยเครื่องมือเฉพาะที่ชื่อว่า DHI Implanter
หรือ Preview Long Hair DHI เป็นการปลูกผมย้ายรากที่พัฒนาต่อยอดจากโปรแกรม DHI ถือเป็นเทคนิคที่ต้องใช้ความชำนาญสูง เพราะเป็นการย้ายรากผมทั้งกราฟต์โดยไม่ต้องโกนหรือตัดผมก่อน หรือก็คือการปลูกผมทั้งเส้นโดนไม่ต้องตัดผมหรือการปลูกผมยาวนั่นเอง และความพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือ ต้องใช้เครื่องมือการเจาะกราฟต์ผมและครื่องมือปลูก หรือ DHI Implanter เฉพาะสำหรับโปรแกรมนี้เท่านั้น ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ที่ได้เป็นธรรมชาติหลังการปลูกทันที
4. NeoGraft®+
เป็นเครื่องมือสำหรับการปลูกผมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และมีความเป็นอัตโนมัติ ทำให้สามารถทำการเก็บกราฟต์ผม และปลูกผมได้ในเครื่องเดียวกัน ด้วยระบบต่างๆ ของเครื่อง NeoGraft® ที่มีการสัมผัสกราฟต์ผมน้อย ลดการสร้างความบอบช้ำจากการสัมผัสกราฟต์ เมื่อเทียบกับการปลูกผมด้วยเทคนิคทั่วๆ ไป ที่แรกที่เดียวในประเทศไทย ทำให้ได้กราฟต์ผมที่มีความสมบูรณ์สำหรับการปลูกผม และด้วยการพัฒนาการใช้เครื่อง NeoGraft® โดย BEQ HAIR CENTER จนมาเป็นเทคนิค NeoGraft®+ ที่จะให้ผลลัพธ์การปลูกผมด้วยโปรแกรมนี้ ออกมาเป็นธรรมชาติและดูดีในแบบของคุณที่สุด
การดูแลหลังปลูกผม
เพื่อให้เส้นผมใหม่แข็งแรงและยาวได้ตามธรรมชาติ ควรปฏิบัติดังนี้
- หลีกเลี่ยงการเกา แกะ หรือกระทบกระเทือนบริเวณที่ปลูกผม
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
- ดูแลโภชนาการและสุขภาพโดยรวม
- มาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผล
สรุป
ผมร่วงเพราะฮอร์โมนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง หากปล่อยไว้นานอาจทำให้หัวล้านถาวร แต่ปัจจุบันมีวิธีรักษาหลากหลาย ตั้งแต่การใช้ยา การปรับพฤติกรรม ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย
และหากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและถาวรที่สุด การ ปลูกผม คือทางออกที่ตอบโจทย์ ที่ BEQ HAIR CENTER เราคือ คลินิกปลูกผม ที่ได้มาตรฐาน มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ และโปรแกรมที่เหมาะสม ที่จะช่วยให้คุณได้เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง งดงาม ที่ใครเห็นก็ต้องทัก
การดูแลสุขภาพเส้นผมตั้งแต่วันนี้จะช่วยเสริมความมั่นใจและคุณภาพชีวิตในอนาคต หากคุณกำลังมองหาทางออกที่ยั่งยืน แวะมาหาเราที่ BEQ HAIR CENTER นะคะเพราะการปลูกผม ไม่ใช่เรื่องของวันนี้ แต่คืออนาคตของคุณค่ะ
📞 094-441-4965
📩 Line: @beq_haircenter
Click: http://line.me/ti/p/@beq_haircenter
Facebook: BEQ Hair Center
Instagram: beqhaircenter_dr.danai
Youtube: BEQ Hair Center
TIKTOK: beq_hair_center