รากผม เป็นส่วนสำคัญที่เปรียบเหมือน “หัวใจ” ของสุขภาพผมที่แท้จริง หากรากผมแข็งแรง ผมของเราก็จะดูหนาสวย เงางาม แต่หากรากผมอ่อนแอ ปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือแม้กระทั่งหัวล้านก็อาจตามมา การเข้าใจเรื่องรากผมและวิธีดูแลที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรรู้
ทำความรู้จักกับ “รากผม”
รากผมหรือที่เรียกว่า “Hair Follicle” คือ ส่วนของเส้นผมที่ฝังอยู่ใต้หนังศีรษะ ประกอบด้วยหลอดเลือดเล็กๆ ที่ทำหน้าที่ส่งสารอาหารไปเลี้ยงเส้นผม รวมถึงเซลล์ผลิตผมที่จะสร้างเส้นผมใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
รากผมมีลักษณะคล้ายกับหัวไชเท้าเล็กๆ ที่ฝังลึกอยู่ในชั้นผิวหนัง มีความยาวประมาณ 3-5 มิลลิเมตร และล้อมรอบด้วยเนื้อเยื่อที่ช่วยยึดเส้นผมให้แน่นอยู่กับหนังศีรษะ
หน้าที่ของรากผมในระบบร่างกาย
รากผมทำหน้าที่สำคัญหลายประการ ได้แก่
- ผลิตเส้นผมใหม่อย่างต่อเนื่อง
- รับสารอาหารจากกระแสเลือดมาเลี้ยงเส้นผม
- ควบคุมการเจริญเติบโตของผม
- สร้างน้ำมันธรรมชาติเพื่อปกป้องเส้นผมจากความเสียหาย
นอกจากนี้ รากผมยังทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์ที่ช่วยให้เราสามารถรู้สึกได้เมื่อมีการสัมผัสหรือลมพัดผ่านเส้นผม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทรับความรู้สึกของเรา
สาเหตุที่ทำให้รากผมอ่อนแอหรือเสียหาย
1. ปัจจัยภายใน
- ฮอร์โมน ฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) คือ ฮอร์โมนที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้รากผมอ่อนแอ โดยเฉพาะในผู้ชาย ฮอร์โมนนี้จะไปจับกับตัวรับที่รากผม ทำให้รากผมหดตัวและผลิตเส้นผมที่เล็กลงเรื่อยๆ จนในที่สุดรากผมจะหยุดทำงานและเกิดเป็นหัวล้านในผู้หญิง ก็มีเรื่องฮอร์โมนมาเป็นปัจจัยด้วยเช่นกัน เช่น เอสโตรเจน (Estrogen) ที่ลดลงหลังวัยหมดประจำเดือน ก็สามารถส่งผลให้รากผมอ่อนแอได้เช่นกัน
- กรรมพันธุ์ ยีนที่ได้รับถ่ายทอดจากพ่อแม่เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดว่ารากผมของเราจะแข็งแรงหรืออ่อนแอเพียงใด หากในครอบครัวมีประวัติหัวล้านหรือผมบาง โอกาสที่เราจะมีปัญหาเหล่านี้ก็จะสูงขึ้น
- อายุที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น รากผมจะค่อยๆ อ่อนแอลงตามธรรมชาติ การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผมจะลดลง การสร้างเซลล์ใหม่จะช้าลง และความสามารถในการซ่อมแซมความเสียหายจะน้อยลง
2. ปัจจัยภายนอก
- ความร้อนจากการไดร์หรือหนีบผม ความร้อนสูงจากเครื่องไดร์ผม เครื่องหนีบผม หรือเครื่องดัดผม สามารถทำลายโครงสร้างรากผมและทำให้รากผมอักเสบได้ การใช้ความร้อนสูงเป็นประจำจะทำให้รากผมแห้งเกินไป และสูญเสียความยืดหยุ่น
- การใช้สารเคมี เช่น การย้อม ดัด ยืด สารเคมีต่างๆ ในผลิตภัณฑ์ย้อมผม ดัดผม หรือยืดผม มีฤทธิ์กัดกร่อนที่สามารถทำลายรากผมได้ โดยเฉพาะแอมโมเนีย และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่จะทำให้รากผมแห้ง อักเสบ และอ่อนแอลงการใช้สารเคมีบ่อยๆ โดยไม่ให้รากผมได้พักฟื้น จะสะสมความเสียหายและอาจทำให้รากผมหยุดทำงานในที่สุด
- การดูแลหนังศีรษะที่ไม่ถูกวิธี การสระผมไม่สะอาด การใช้แชมพูที่ไม่เหมาะสม และการไม่ทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้แบคทีเรียและเชื้อราสะสม ส่งผลให้รากผมอักเสบและอ่อนแอ
รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือซัลเฟตในปริมาณสูงก็อาจทำให้หนังศีรษะแห้งเกินไปและส่งผลเสียต่อรากผมได้ความเครียดและพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ความเครียดเรื้อรังจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลในปริมาณสูง ทำให้การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผมลดลง อีกทั้งการนอนไม่พอ การกินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ล้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพรากผมทั้งสิ้น และการขาดการออกกำลังกายสม่ำเสมอยังทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี ส่งผลให้รากผมได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
3 ลักษณะของผมร่วงจากรากผมเสีย
1. ผมร่วงเป็นหย่อม
เมื่อรากผมในบริเวณใดบริเวณหนึ่งเสียหายหรือหยุดทำงาน จะเกิดการร่วงของผมเป็นหย่อมๆ โดยเฉพาะบริเวณที่รากผมมีความไวต่อฮอร์โมน DHT เช่น ไรผมด้านหน้า และกลางศีรษะ
รูปแบบการร่วงแบบนี้มักเริ่มต้นจากการสังเกตเห็นหนังศีรษะผ่านเส้นผมมากขึ้น และค่อยๆ ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ
2. ผมบางกระจายทั่วศีรษะ
ในกรณีของผู้หญิง รากผมจะอ่อนแอไปทั่วกลางศีรษะ ทำให้ผมบางลงเป็นบริเวณกว้างแทนที่จะร่วงเป็นหย่อม การร่วงแบบนี้มักเกิดจากฮอร์โมน ความเครียด หรือการขาดสารอาหาร ผมจะดูไม่มีวอลลุ่ม เหมือนกับว่าจำนวนเส้นผมลดลงไปทั่วหัว
3. เส้นผมเส้นเล็กลงเรื่อยๆ
ก่อนที่ผมจะร่วง รากผมที่เริ่มอ่อนแอจะผลิตเส้นผมที่เล็กและสั้นลงเรื่อยๆ เส้นผมใหม่จะดูบาง เปราะ และขาดง่าย เส้นผมที่ผลิตจากรากผมที่อ่อนแอจะมีอายุการเจริญเติบโตสั้นลง ทำให้ไม่สามารถยาวได้เท่าเส้นผมปกติ

3 สัญญาณเตือนว่ารากผมเริ่มอ่อนแอ
1. หนังศีรษะแดงหรือคันบ่อย
การอักเสบของรากผมจะทำให้หนังศีรษะมีอาการแดง คัน หรือระคายเคือง อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณบอกว่ารากผมกำลังเผชิญกับปัญหาและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
หากปล่อยให้อาการอักเสบนี้ดำเนินต่อไปโดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ความเสียหายถาวรของรากผมได้
2. มีผมร่วงมากเกิน
ปกติแล้วผมจะร่วงวันละ 30-180 เส้น แต่หากสังเกตว่าผมร่วงมากเป็นเวลานานติดต่อกัน จนเริ่มมองเห็นหนังศีรษะได้ในบางบริเวณ แสดงว่ารากผมอาจมีปัญหา
3. รูขุมขนเริ่มปิด
เมื่อรากผมอ่อนแอและหยุดทำงาน รูขุมขนบริเวณนั้นจะค่อยๆ ปิดตัวลง สังเกตได้จากการที่หนังศีรษะเริ่มเรียบ ไม่มีรูขุมขนเล็กๆ เหมือนเดิม
การปิดของรูขุมขนนี้เป็นสัญญาณที่บอกว่ารากผมได้หยุดการทำงานไปแล้ว และหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจไม่สามารถผลิตผมใหม่ได้อีก
3 วิธีดูแลและฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรงด้วยตนเอง
1. เลือกรับประทานอาหารที่บำรุงรากผม
สารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพรากผม ได้แก่ ไบโอติน (วิตามิน B7) ที่ช่วยสร้างเคราติน ซิงค์ที่ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อรากผม วิตามิน B-complex ที่ช่วยการไหลเวียนเลือด ธาตุเหล็กที่ป้องกันผมร่วง และโปรตีนที่เป็นโครงสร้างหลักของเส้นผม
อาหารที่ดีต่อรากผม เช่น ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ติดมัน ถั่วต่างๆ ผักใบเขียวเข้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และเมล็ดพืชต่างๆ ควรรับประทานอย่างสม่ำเสมอ
2. นวดหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
การนวดหนังศีรษะด้วยปลายนิ้วเป็นประจำจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผม ทำได้โดยใช้ปลายนิ้วกดนวดเป็นวงกลม เริ่มจากด้านหน้าไปด้านหลัง และจากกลางศีรษะไปข้างๆ
นวดวันละ 5-10 นาที โดยใช้น้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอาร์แกน หรือน้ำมันโรสแมรี่ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงรากผม
3. หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนและสารเคมี
ลดการใช้เครื่องไดร์ผม เครื่องหนีบผม หรือเครื่องดัดผม หากจำเป็นต้องใช้ ให้ตั้งความร้อนไม่เกิน 180 องศาเซลเซียส และใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนเสมอ และเลือกใช้แชมพูและผลิตภัณฑ์ดูแลผมที่อ่อนโยน ไม่มีซัลเฟต ไม่มีพาราเบน และหลีกเลี่ยงการย้อมผมหรือดัดผมบ่อยเกินไป
การรักษาทางการแพทย์
1. ใช้ยาปลูกผมหรือยากระตุ้นรากผม
เช่น Finasteride และ Minoxidil ชนิดทาเป็นยาที่ได้รับการรับรองจาก FDA สำหรับการรักษาผมร่วง ทำงานโดยปกป้องรากผมต่อฮอร์โมน DHT และขยายหลอดเลือดเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผม การใช้ยานี้ต้องใช้อย่างต่อเนื่องและอาจใช้เวลา 3-6 เดือนกว่าจะเห็นผล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้และติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
2. การปลูกผมถาวร (Hair Transplant)
สำหรับผู้ที่มีปัญหาหัวล้านที่รูขุมขนปิดไปแล้ว การปลูกผมย้ายเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้พื้นที่นั้นกลับมามีเส้นผมใหม่อีกครั้งได้ โดยนำรากผมจากบริเวณที่ยังแข็งแรง (มักจะเป็นด้านหลังหรือข้างศีรษะ) มาปลูกในบริเวณที่หัวล้าน
3 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับรากผม
1. สระผมทุกวันทำให้รากผมอ่อนแอ?
นี่เป็นความเชื่อที่ผิด การสระผมทุกวันไม่ได้ทำให้รากผมอ่อนแอ หากใช้แชมพูที่เหมาะสมและไม่เกาแรงเกินไป การสระผมสม่ำเสมอกลับช่วยทำความสะอาดหนังศีรษะ กำจัดความมันส่วนเกิน และป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย
สิ่งสำคัญคือการเลือกแชมพูที่เหมาะกับสภาพผมและหนังศีรษะ และการนวดเบาๆ แทนการถูหรือเกาแรง ๆ
2. โกนผมแล้วรากผมจะแข็งแรงขึ้น?
การโกนผมไม่ได้ทำให้รากผมแข็งแรงขึ้นแต่อย่างใด เพราะรากผมอยู่ใต้หนังศีรษะ ไม่เกี่ยวข้องกับการตัดหรือโกนส่วนที่อยู่เหนือผิวหนัง ความเชื่อนี้เกิดจากการสังเกตว่าผมที่ขึ้นใหม่หลังโกนดูหนาและแข็งกว่า
ความจริงแล้ว เส้นผมที่เพิ่งขึ้นใหม่จะมีปลายที่แหลมและไม่ได้รับความเสียหายจากปัจจัยภายนอก จึงดูสุขภาพดีกว่าเส้นผมเก่าที่ผ่านการใช้งานมานาน
3. ผมร่วงแปลว่าผมจะไม่ขึ้นอีก?
นี่เป็นความเข้าใจผิด การที่ผมร่วงไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ขึ้นอีก เพราะการร่วงของผมเป็นส่วนหนึ่งของวงจรชีวิตธรรมชาติของเส้นผม
ปัญหาจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อรากผมหยุดผลิตผมใหม่ หรือผลิตผมที่บางและอ่อนแอลงเรื่อยๆ ดังนั้นการสังเกตคุณภาพของผมที่ขึ้นใหม่จึงสำคัญกว่าการนับจำนวนผมที่ร่วง
สรุป
รากผมคือหัวใจของสุขภาพผมที่ทำหน้าที่ผลิต บำรุง และควบคุมการเจริญเติบโตของเส้นผม การเข้าใจโครงสร้างและหน้าที่ของรากผม รวมถึงปัจจัยที่ทำให้รากผมอ่อนแอ จะช่วยให้เราสามารถดูแลและป้องกันปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปรึกษาปัญหาผมบาง หัวล้าน-เถิก อย่างตรงจุดและแม่นยำ ที่ BEQ Hair Center สามารถติดต่อรับคำปรึกษาและนัดหมายได้ที่
โทรศัพท์: 094-441-4965Line: https://line.me/ti/p/@beq_haircenter
E-mail: Marketing@beqhaircenter.com
Google Map : คลิก
BEQ Hair Center ชั้น 3 อาคารซีพี ทาวเวอร์ (สีลม) , ถนนสีลม บางรัก , กรุงเทพมหานคร 10500
เวลาทำการ: จันทร์ – อาทิตย์ 10.00 – 19.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)