การปลูกผมผู้ชายกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผู้ที่ต้องเผชิญกับปัญหาหัวล้านหรือผมร่วง ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและความปลอดภัยที่สูงขึ้น ทำให้การปลูกผมไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอีกต่อไป แต่ก่อนที่จะตัดสินใจ คุณควรเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหา วิธีการประเมินสภาพ และเทคนิคปลูกผมที่เหมาะสม
สาเหตุที่ผู้ชายหัวล้าน
1. พันธุกรรมและฮอร์โมน DHT
ปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้ชายมีปัญหาหัวล้านมากกว่าผู้หญิงคือพันธุกรรมและฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ฮอร์โมนนี้จะไปทำลายรูขุมขนในบริเวณศีรษะ ทำให้ผมค่อยๆ บางลงและหลุดออกในที่สุด
2. ความเครียดและพฤติกรรมประจำวัน
ความเครียดจากการทำงาน การนอนหลับไม่เพียงพอ และการมีพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล ล้วนส่งผลต่อการหลุดร่วงของเส้นผมได้
3. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่กระตุ้นการหลุดร่วง
การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผมที่มีสารเคมีแรง การใช้เครื่องมือทำผมที่ใช้ความร้อนสูง หรือการทำผมแบบที่ดึงรั้งเส้นผมจนเกินไป ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เร่งให้ผมหลุดร่วงได้
วิธีสังเกตว่าเป็นผมร่วงชั่วคราว หรือหัวล้านถาวร
สัญญาณของผมร่วงชั่วคราว
- เกิดจากความเครียด การนอนน้อย หรือสารเคมี ผมร่วงชั่วคราวมักเกิดจากปัจจัยภายนอกที่สามารถแก้ไขได้ เช่น ช่วงที่มีความเครียดสูง เจ็บป่วย หรือการใช้ยาบางชนิด
- ผมร่วงกระจาย ไม่มีรูปแบบชัดเจน ผมร่วงชั่วคราวจะไม่มีรูปแบบที่แน่นอน อาจจะร่วงทั่วศีรษะ และมักจะกลับมาขึ้นใหม่ได้เมื่อสาเหตุหายไป
สัญญาณของหัวล้านถาวรในผู้ชาย
- แนวผมร่นแบบ M-shaped, C-shaped, หรือ U-shaped หัวล้านถาวรจะมีรูปแบบที่ชัดเจน เริ่มจากการร่นของแนวผมด้านหน้าเป็นรูปตัว M, C, หรือ U และค่อยๆ ขยายไปด้านหลัง
- ผมบางกลางกระหม่อม อีกหนึ่งสัญญาณคือการที่ผมบางลงบริเวณกลางกระหม่อม และค่อยๆ ขยายเป็นวงกว้างขึ้น
- มีประวัติคนในครอบครัวหัวล้าน ถ้าในครอบครัวมีประวัติหัวล้าน โอกาสที่จะเกิดปัญหานี้ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
หัวล้านแบบไหนควรปลูกผม
- เมื่อผมไม่ขึ้นซ้ำในบริเวณเดิมนานเกิน 6-12 เดือน ถ้าสังเกตเห็นว่าผมในบริเวณที่ร่วงไม่ขึ้นกลับมาเป็นเวลานาน แสดงว่าอาจเป็นหัวล้านถาวรแล้ว
- เมื่อลองใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ดูแลแล้วไม่ได้ผล การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผมเป็นเวลา 6-12 เดือนแล้วไม่เห็นผลปรับปรุง ก็ควรพิจารณาการปลูกผม
เทคนิคปลูกผมผู้ชายจาก BEQ Hair Center
เทคนิคปลูกผมที่ได้รับความนิยม

ปลูกผมแบบ FUE (Follicular Unit Excision) เทคนิคนี้เป็นการเอาเซลล์รากผมทีละหน่วย แล้วนำไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ ข้อดีคือไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็นเส้นยาว และฟื้นตัวเร็ว

ปลูกผมแบบ DHI (Direct Hair Implantation) เทคนิคที่ทันสมัยโดยใช้เครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า DHI Implanter ซึ่งสามารถควบคุมทิศทางและมุมของเส้นผมได้อย่างแม่นยำ รอยแผลเล็กกว่าการปลูกผมแบบ FUE ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปลูกผมผู้ชาย
1. ปลูกผมแล้วผมจะขึ้นจริงไหม?
ผมที่ปลูกจะขึ้นจริง แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนในการเห็นผลเบื้องต้น และผลลัพธ์สมบูรณ์จะเห็นได้ในช่วง 12-18 เดือน อัตราความสำเร็จของการปลูกผมอยู่ที่ประมาณ 80% ขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นกับโรคร่วมอื่นและลักษณะของหนังศีรษะของแต่ละบุคคล
2. ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน?
การฟื้นตัวขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ สำหรับเทคนิค FUE หรือ DHI จะสามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 2-3 วัน แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเป็นเวลา 2 สัปดาห์
3. ค่าใช้จ่ายโดยประมาณเท่าไร?
ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ที่ต้องการและเทคนิคที่เลือก โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วง 80,000-300,000 บาท ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและจำนวนเส้นผมที่ต้องปลูก
4. ผมที่ปลูกจะอยู่ถาวรหรือไม่?
ผมที่ปลูกจะอยู่ถาวรเพราะเอามาจากบริเวณที่ไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT แต่ต้องดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องและอาจต้องใช้ยาบำรุงควบคู่เพื่อป้องกันผมเดิมที่เหลืออยู่ไม่ให้ร่วงต่อไป
5. ปลูกผมได้ทุกคนหรือไม่?
ไม่ใช่ทุกคนที่จะปลูกผมได้ ต้องมีการประเมินโดยแพทย์ผู้ชำนาญการก่อน เพื่อดูความเหมาะสมของพื้นที่ที่จะเป็นแหล่งผมที่จะนำมาปลูก สุขภาพโดยรวม และความคาดหวังที่สมเหตุสมผลของผู้ที่ต้องการปลูกผม
การปลูกผมเป็นการลงทุนที่สำคัญทั้งในด้านการเงินและเวลา การเลือกคลินิกที่มีประสบการณ์และแพทย์ผู้ชำนาญการจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ควรปรึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียดและตั้งความคาดหวังให้สมเหตุสมผลก่อนตัดสินใจ
สามารถติดต่อรับคำปรึกษาและนัดหมายได้ที่
โทรศัพท์: 094-441-4965Line: https://line.me/ti/p/@beq_haircenter
E-mail: Marketing@beqhaircenter.com
Google Map : คลิก
BEQ Hair Center ชั้น 3 อาคารซีพี ทาวเวอร์ (สีลม) , ถนนสีลม บางรัก , กรุงเทพมหานคร 10500
เวลาทำการ: จันทร์ – อาทิตย์ 10.00 – 19.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)