แน่นอนครับว่าปัญหาเส้นผมส่วนใหญ่เกิดจากกรรมพันธุ์ (Androgenic Alopecia) ไม่ว่าจะทำให้เกิดการผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงการทำให้เกิดปัญหาศีรษะล้าน-เถิกครับ หลาย ๆ คนก็สงสัยว่าในเมื่อเรารู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา ทำไมเราไม่แก้ปัญหานี้
คำตอบก็คือ เรายังไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้ 100% โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนครับ เพราะเรารู้ว่าปัญหาเกิดจากฮอร์โมน DHT ที่กลายสภาพมาจากฮอร์โมนเพศชาย Testosterone และเจ้าฮอร์โมนตัวนี้ถูกผลิตขึ้นจากลูกอัณฑะ และอีกเล็กน้อยจากต่อมหมวกไต หากไม่ต้องการฮอร์โมนตัวนี้ก็ต้องทำการตัดลูกอัณฑะออกครับ แต่ในความเป็นจริงแล้วคงไม่มีใครแก้ปัญหาผมด้วยการตัดลูกอัณฑะออกใช่ไหมครับ
วิธีจัดการกับผลกระทบของฮอร์โมน DHT
ดังนั้นเรามาที่ขั้นตอนต่อมาก็คือการป้องกันไม่ให้ Testosterone เปลี่ยนไปเป็นฮอร์โมน DHT วิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือการทานยา Finasteride ครับ ซึ่งเป็นตัวยาที่หมอแนะนำให้คนไข้ทุกท่านได้ไปทานหลังปลูกผมครับ เพื่อทำให้ผมบริเวณที่ไม่ได้ปลูกไม่ร่วงไปครับ กลไกลการทำงานของ Finasteride คือการเข้าจับกับเอนไซม์ 5-alpha reductase ทำให้ฮอร์โมน Testosterone ไม่ถูกเปลี่ยนเป็น DHT ได้ครับ เมื่อร่างกายเรามีฮอร์โมน DHT เกิดขึ้นที่เส้นผมน้อยลงทำให้มีฮอร์โมนเข้าไปทำร้ายเซลล์รากผมน้อยลงครับ
จริงอยู่ที่ไม่สามารถหยุดการเข้าทำลายรากผมได้ 100% เพราะ Finasteride ไม่สามารถจับกับ 5-alpha reductase ได้ทั้งหมดทำให้ร่างกายเรายังเหลือ DHT อยู่บ้างครับดั งนั้นสำหรับใครที่ต้องการป้องกัน 2 ชั้น สามารถทำ RECELL Plus 3X ที่มีความสามารถในการป้องกัน Transforming-growth factor β1(TGF-β1) โดยเจ้าสาร TGF-β1 เกิดขึ้นเมื่อ DHT เข้าไปทำปฏิกิริยากับเซลล์รากผมครับ และ TGF-β1 นี้เองที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำลายเซลล์รากผมครับ
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า RECELL Plus 3X มีความพิเศษที่มากไปกว่าการปลูกผมเพื่อรักษาอาการผมบาง แต่ยังมีความสามารถในการปกป้องเซลล์รากผมของเราอีกด้วยครับ
อาการของ Androgenic Alopecia
จริงอยู่ว่าข้างต้นเป็นวิธีการจัดการกับปัญหาศีรษะล้าน-เถิกจากพันธุกรรม (Androgenic Alopecia) แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าปัญหาของเราเกิดจากภาวะนี้ ให้เริ่มจากการสังเกตญาติพี่น้องของเราว่ามีอาการผมบาง ผมน้อย หรือว่าล้าน-เถิกหรือไม่ เพราะว่าภาวะนี้เป็นภาวะทางพันธุกรรมบนยีนเด่นครับ
นอกจากนี้อาการที่ชัดเจนของภาวะนี้ก็คือผมจะค่อย ๆ บางลง โดยผมที่ร่วงลงมาจะค่อย ๆ มีเส้นรอบวงเล็กลง โดยกระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่เดินหน้าอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ไม่ได้ร่วงทีเดียวจนสังเกตได้ชัดเจนครับ ดังนั้นสำหรับใครที่กังวลและไม่ต้องการประสบกับปัญหานี้ต้องหมั่นเช็คตัวเองครับ
หากปัญหาเกิดขึ้นแล้ว ต้องรักษาอย่างไร?
หากเกิดบริเวณด้านหน้า แนะนำเป็นการปลูกผมแบบย้ายรากครับ เพราะเป็นการนำรากผมจากบริเวณด้านหลังที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT ย้ายมาบริเวณที่มีปัญหา การปลูกผมแบบนี้มีทั้ง FUE, DHI และ Long Hair DHI โดยจะแตกต่างกันที่ผลลัพธ์หลังการปลูกครับ
หากเกิดบริเวณตรงกลางสามารถรักษาได้ทั้งการปลูกผมย้ายรากและ การปลูกผมด้วยเซลล์รากผมเป็นการเหนี่ยวนำให้เกิดการงอกใหม่ของเส้นผม และทำให้ผมเดิมอวบอ้วนมากขึ้น โดยวิธีนี้เรียกว่า RECELL ซึ่งแบ่งออกเป็น RECELL Micro Hair Transplant และ RECELL Plus 3x ครับ