ผมของคนเราเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งแน่นอนว่าจำนวนของเส้นผมในแต่ละคนนั้น มีไม่เท่ากัน ถ้าหากเส้นผมของเรามีวงจรการเจริญเติบโต หลุดร่วง และเกิดใหม่ที่เป็นปกติ ปัญหาศีรษะล้าน-เถิกก็จะยังไม่เกิดครับ แต่ถ้ามีอะไรมาทำให้วงจรชีวิตของเส้นผมมีความผิดปกติไป เช่น ฮอร์โมนเพศชาย DHT ที่จะทำให้เส้นผมมีขนาดที่เล็กลง มีวงจรชีวิตที่ผิดเพี้ยนไป จนสุดท้ายรากผมอาจตายหายไป ก็จะทำให้เกิดปัญหาผมบาง-ศีรษะล้านตามนั่นเองครับ คนส่วนใหญ่ที่เริ่มสังเกตถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ก็มักจะเริ่มมองหาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่หวังว่าจะสามารถหยุดหรือบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นนี้ ซึ่งผลลัพธ์จากผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาดที่มีอยู่นั้น อาจไม่ได้ตรงตามความคาดหวังที่หลายคนคิดไว้ และเนื่องด้วยระยะของการเห็นผลลัพธ์อาจจะใช้เวลานาน เมื่อเทียบกับต้นทุนที่จ่ายไปที่อาจเกิดจากการลองผิดลองถูกอย่างมากมาย โดยวันนี้ครับ หมอเองจะพูดถึง 3 ตัวช่วย ที่สามามารถช่วยบำรุงรักษาเส้นผมให้ทราบกันครับ ซึ่ง
3 ตัวช่วยนี้สามารถใช้ได้กับทั้งผู้ที่ยังไม่ได้ปลูกผม และ รวมถึงผู้ที่ปลูกผมแล้วอีกด้วยครับ ถ้าอยากรู้กันแล้วว่าตัวช่วยนั้นคืออะไรเรามาอ่านบทความนี้กันได้เลยครับ
การทำ The A – PRP
เป็นการใช้เลือดของไข้เองนำไปผ่านกระบวนการนำเลือดไปปั่นเพื่อให้ได้น้ำเลือดที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นและมีคุณภาพ เพื่อนำกลับไปฉีด ยังบริเวณที่เป็นปัญหาครับ วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง ดังนั้นจึงช่วยลดความเสี่ยงของอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น การไม่เข้ากันของภูมิคุ้มกัน และยังรักษาได้ในระดับลึกครับ
การฉีด The A – PRP ก่อนการปลูกผม จะช่วยบำรุงให้เส้นผมแข็งแรง ทำให้ผมดูหนา จากผมที่มีความอ่อนแอ ไม่แข็งแรง เมื่อมีการบำรุงด้วย The A – PRP ลงไปตรงบริเวณที่เกิดปัญหา เส้นผมจะกลับมามีความหนาขึ้น ผมจะร่วงช้าลงครับ
การฉีด The A – PRP หลังการปลูกผม จะช่วยทำให้เส้นผมบริเวณที่ผมปลูกใหม่รวมถึงบริเวณใกล้เคียง มีความแข็งแรง เส้นผมหนาขึ้น และ แข็งแรงสมบูรณ์ครับ
ทำ The A – PRP ที่ BEQ Clinic ดีอย่างไร
BEQ Clinic ใช้ The A – PRP ของ Regen Lab ที่มีความปลอดภัย และ มีผลงานวิจัยรองรับ ในการรักษาคนไข้ครับ เนื่องจากตัว The A – PRP ของ Regen Lab นั้น
– ให้ประมาณเกล็ดเลือดสูง ที่จะช่วยให้เส้นผมหนาขึ้น และยังช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรง
– มี อย. ประเทศไทยรองรับ
– มีการรับรองมาตรฐานยุโรป
– เป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
การทำฉายแสง
ปัจจุบันมีการนำแสงเลเซอร์มาใช้ในการรักษาทางการแพทย์มากมาย ตั้งแต่การรักษาบำรุงผิวหน้า ไปจนถึงการรักษาและบำรุงกระตุ้นเซลล์รากผมนั่นเองครับ ด้วยเทคโนโลยีและการวิจัยทางการรักษานั้น ลำแสงแต่ละตัวก็มีลักษณะคลื่น และ การทำงานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการฉายแสงสำหรับเส้นผมนั้นจะเป็นการฉายแสงเพื่อ ช่วยกระตุ้นการทำงานของไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) ให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ ดังนั้น การฉายแสงจะช่วยให้เส้นผมมีความแข็งแรง และช่วยลดการหลุดร่วงได้ครับ
///ใช้ภาพดาราฉายแสง
ฉายแสงด้วย LLLT หรือ Low-Level Laser Therapy ที่ BEQ Clinic ดีอย่างไร
BEQ Clinic ใช้เครื่องฉายแสงที่มีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีฉายแสง LLLT 100% ครับ เนื่องจาก ปัจจุบันมีการใช้ตัวหลอดไฟ LED ในการฉายแสงให้กับคนไข้ และเนื่องจากแสง LED นั้นมีการปล่อยคลื่นในลักษณะที่เป็นช่วง ทำให้ไม่สามารถเลือกความยาวคลื่นเพื่อไปกระตุ้นเซลล์รากผมได้อย่างจำเพาะเจาะจง จึงอาจทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีหลังการฉายแสงครับ แต่ในทางกลับกัน หากเป็นเทคโนโลยี LLLT 100% นั้น จะเป็นคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นเดียว ซึ่งสามารถส่งทะลุผ่านลงไปกระตุ้นเซลล์รากผมได้อย่างจำเพาะเจาะจงครับ จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าครับ
ยาทานหลังปลูกผม
การทานยาหลังการปลูกผมที่ทางแพทย์สั่งจ่ายให้คนไข้นั้น โดยมากจะเป็นการทานยา Finasteride ที่จะไปลดการเกิดฮอร์โมน DHT ที่รากผมจากการขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ 5 Alpha Reductase ที่เป็นเอนไซม์ที่จะไปเปลี่ยนให้ฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ไปเป็นฮอร์โมน DHT นั่นเอง เนื่องจากการปลูกผมเป็นการย้ายผมบริเวณทางด้านหลังศีรษะมาปลูกยังบริเวณที่มีปัญหา เพราะผมในบริเวณที่ย้ายมาปลูกนั้นไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT แต่ผมในบริเวณที่มีปัญหาหรือบริเวณอื่น ๆ บนหนังศีรษะ จะยังมีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT อยู่ ซึ่งอาจจะทำให้เส้นผมในส่วนนี้เล็กลง หรือหายไปจากหนังศีรษะได้ ฉะนั้นภายหลังการปลูกผมจึงยังมีการแนะนำให้ทานยาเพื่อป้องกันผมร่วง ผมบางในอนาคตทั่วทั้งศีรษะ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นผมเส้นเล็กให้หนา แข็งแรงขึ้น และยังเป็นการรักษาที่ต้นเหตุอีกด้วยครับ
ดังนั้นไม่ว่าจะทำการปลูกผมด้วยเทคนิคย้ายราก FUE DHI หรือแบบไม่ย้ายรากก็ตาม
เราก็ยังสามารถใช้ 3 ตัวช่วยนี้ ในการบำรุงรักษาสภาพของเส้นผมได้ครับ สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับผม หรือยังไม่แน่ใจว่าตนเองควรปลูกผมไหม หรือต้องบำรุงเส้นผมก่อนปลูก-หลังปลูกด้วยวิธีใด สามารถปรึกษากับหมอได้นะครับ