ปัญหาผมร่วง ผมบาง หัวเถิก หัวล้าน นับว่าเป็นปัญหาที่น่ากังวลเป็นอย่างมากสำหรับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงผมเส้นเล็ก ยิ่งเห็นชัดเจนมากกว่าผู้หญิงผมหนา ผู้หญิงที่สังเกตได้ว่าเวลาสระผม ผมร่วงเยอะ เวลากวาดบ้านทีก็จะเห็นเส้นผมร่วงเป็นกระจุกบนพื้นเยอะแยะมากมาย แล้วยังรู้สึกว่าผมบางลงทุกที ถ้าไม่รีบแก้ไขอาจเป็นปัญหาเรื้อรัง จนสายเกินแก้ไปเลยก็ได้
ผมร่วงในผู้หญิง เกิดได้จากหลายๆสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด เชื้อราบนหนังศีรษะ ขาดสารอาหาร หรือผลกระทบจากฮอร์โมน DHT วิธีการแก้ไขของแต่ละสาเหตุ ก็จะแตกต่างกันออกไป แต่วันนี้เราจะคุยถึงปัญหา ที่เกิดจากผลกระทบของฮอร์โมน DHT เป็นหลัก
ฮอร์โมน DHT ทำให้ผมร่วง
![](https://beqclinic.com/wp-content/uploads/2020/05/บทความ37_ครบทุกเรื่องผู้หญิง-กับ-เส้นผม-02-1024x512.jpg)
หลายๆคนคนสงสัยว่าฮอร์โมน DHT คืออะไรกันแน่ มันคือฮอร์โมนเพศชายประเภทหนึ่งนั่นเอง ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับฮอร์โมนเพศชายก่อน ฮอร์โมนนี้มีมากในผู้ชาย และเป็นตัวกำหนดให้ร่างกายของเพศชายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และกระดูกที่แข็งแรง ดังนั้นเมื่ออยู่ในร่างกายของผู้หญิงเมื่อมีในปริมาณที่พอเหมาะ ก็จะช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ ทำให้ระบบเผาผลาญดี กระดูกแข็งแรง มีมวลกระดูกมาก มีความต้องการทางเพศที่เหมาะสมตามธรรมชาติ ในทางกลับกัน หากฮอร์โมรเพศชาย อยู่ในระดับที่สูงจนเกินไป จะส่งผลทำให้เกิดรูปลักษณ์บางชนิดที่แสดงออกในเพศชาย อย่างเช่น มีไรหนวด ขนหน้าแข้งเยอะ เสียงทุ้ม กล้ามเนื้อเยอะ และมีอาการผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน-เถิก เป็นอาการโดยทั่วๆไป
ส่วนฮอร์โมน DHT เกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างเอนไซม์ 5-alpha reductase และ ฮอร์โมนเพศชาย(Testosterone) โดยฮอร์โมน DHT จะทำให้อายุของวัฏจักรผมสั้นลง โดยเซลล์รากผมที่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมนดังกล่าวจะผลิตผมที่เล็ก สั้น และบาง ก่อนที่จะค่อยหลุดร่วงและตายไปในที่สุดครับ
การรักษาอาการผมร่วงในเพศหญิง
เมื่อไหร่ถึงจะเรียกว่าผมร่วงผิดปกติ หมอเชื่อว่าหลายคนคงสงสัย แต่ว่าเป็นคำตอบที่ค่อนข้างยาก เพราะบางครั้งผมเราก็ร่วงเพราะว่าครบรอบวัฏจักรของผมแล้ว แต่หากร่วงมากๆ เป็นระยะเวลานานก็อาจจะอยู่ในภาวะผมร่วงแล้ว โดยเราจะแบ่งการรักษาเป็น 2 ระยะ คือ
1. การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ – ต้นเหตุของปัญหาอยู่ที่ ฮอร์โมน DHT ดังนั้นเราจะต้องทำการแก้ที่ต้นเหตุ
1.1 การแก้ปัญหาด้วย ยา
![](https://beqclinic.com/wp-content/uploads/2020/05/บทความ37_ครบทุกเรื่องผู้หญิง-กับ-เส้นผม-03-1024x512.jpg)
จะแก้ไขด้วยยาประเภท Finasteride แต่ยาตัวนี้ไม่สามารถใช้ในเพศหญิงได้ เพราะว่าเป็นยาที่มีโครงสร้างคล้ายๆฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone ) แต่ออกฤทธิ์ในลักษณะตรงข้าม คือไปยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของTestosterone แต่หากใช้ในเพศหญิงแล้วระดับสมดุลฮอร์โมนจะไม่ปกติ และนอกจากนี้ยัง ในเพศหญิง หากอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ จะทำให้เด็กในครรภ์ มีโอกาศผิดปกติทางโครโมโซมอีกด้วย
ดังนั้นสำหรับเพศหญิงแล้วจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ หรือวิตามินอาหารเสริมแทนครับ ยกตัวอย่างเช่น Biotin ที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างโครงสร้างของเคราตินซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพของเส้นผม แต่หากอยากแก้ที่ต้นเหตุจริงๆ ก็ควรรับประทานสารสกัดจากธรรมชาติที่ ยับยั้งการเกิดฮอร์โมน DHT ได้ ยกตัวอย่างเช่นสารสกัดที่ได้จาก ทับทิบ หรือกล้วย โดยสารเหล่านี้จะออกฤทธิ์คล้ายกับ ยา Finasteride เราจึงเรียกมันว่า Natural Finasteride แต่ที่สำคัญที่สุดก็คืออย่าลืมรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่นะครับ
1.2 การแก้ปัญหาด้วย PRP
![](https://beqclinic.com/wp-content/uploads/2020/05/บทความ37_ครบทุกเรื่องผู้หญิง-กับ-เส้นผม-05-1024x512.jpg)
ผลกระทบจากฮอร์โมน DHT ทำให้เซลล์รากผมของเราอ่อนแอลง ดังนั้นการทำ PRP หรือ Platelet Rich Plasma จะสามารถบำรุงรากผมให้กลับมาแข็งแรงได้ โดยเริ่มจากการนำเอาเลือดของตัวเรา นำไปเข้าเครื่องเหวี่ยงสาร แยกเอามาเฉพาะส่วนของน้ำเลือดที่มีเกล็ดเลือด และ Growth Factors ที่มีความเข้มข้นสูงจำนวนมาก เมื่อฉีดกลับเข้าไปที่บริเวณหนังศรีษะส่วนที่ต้องการรักษา เกล็ดเลือดพวกนี้ก็จะเข้าไปกระตุ้น และส่งสัญญานให้เกิดการซ่อมแซมในบริเวณนั้นที่ทำการฉีด PRP ในกรณีของเส้นผม เซลล์รากผมก็จะกลับมาแข็งแรงขึ้น ทำให้การหลุดร่วงของเส้นผมลดน้อยลง
2. แก้ที่ปลายเหตุ แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
2.1 การแก้ปัญหาอาการผมบางในเพศหญิง
![](https://beqclinic.com/wp-content/uploads/2020/05/บทความ37_ครบทุกเรื่องผู้หญิง-กับ-เส้นผม-04-1024x512.jpg)
ปัญหาผมบางคือระยะต่อมาของอาการผมร่วง โดยบริเวณที่เห็นได้ชัดก็คือ บริเวณกลางศีรษะ และบริเวณที่แสกผม หากว่าทั้ง 2 บริเวณนี้กว้างขึ้นเมื่อไหร่ ก็แสดงว่าเราอยู่ในภาวะผมบางแล้ว โดยปัญหาผมบางสามารถรักษาได้ด้วยการทำ ReCell Hair Micro Transplant หรือก็คือการปลูกผมด้วยเซลล์รากผมนั่นเองครับ
หลักการของการปลูกผมแบบ ReCell นี้ก็คือการนำเนื้อเยื้อรากผมจากบริเวณด้านหลังศีรษะ ที่ไม่ได้รับผมกระทบจากฮอร์โมน DHT ไปผ่านกระบวนการทางการแพทย์เพื่อสกัดนำเซลล์ต้นกำเนิดออกมา และทำการเพิ่มจำนวนก่อนจะนำฉีดกลับเข้าไปบริเวณที่มีปัญหา เพื่อให้เซลล์ต้นกำเนิดเหล่านี้ไปกระตุ้นให้เซลล์รากผมแข็งแรงขึ้น ที่สำคัญยังเพิ่มจำนวนการงอกใหม่ของเส้นผมอีกด้วย นอกจากนี้เซลล์ต้นกำเนิดเหล่านี้จะช่วยเหนี่ยวนำให้เซลล์บริเวณดังกล่าว ได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT น้อยลง เปรียบเสมือนเป็น Natural Finasteride อีกด้วยนะครับครับ
2.2 การรักษาอาการศีรษะล้าน-เถิก ในเพศหญิง
![](https://beqclinic.com/wp-content/uploads/2020/05/บทความ37_ครบทุกเรื่องผู้หญิง-กับ-เส้นผม-06-1024x512.jpg)
เชื่อว่าหลายๆท่านคงทราบดีว่า การรักษาอาการศีรษะล้าน-เถิก ให้ได้ผลชัดเจนที่สุดก็คือการปลูกผมย้ายรากด้วยเทคนคิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น FUT, FUE หรือ DHI ก็ตาม แต่ยังมีอีกเทคนิคนึงที่เรียกว่า Long Hair DHI ซึ่งเป็นเทคนิคที่พัฒนาขึ้นมาจาก DHI อีกขั้นหนึ่ง โดยการปลูกผมยาวทั้งเส้น ซึ่งแตกต่างกับเทคนิคอื่นๆ จำเป็นต้องมีการไถผมบริเวณที่หลังศีรษะก่อนนะครับ แต่เทคนิค Long Hair DHI จะทำให้เรามีผมยาวทันใจ และมั่นใจได้ว่าปลูกวันนี้ พรุ่งนี้ผมก็ยาวได้ทันทีครับ
![](https://beqclinic.com/wp-content/uploads/2020/05/บทความ37_ครบทุกเรื่องผู้หญิง-กับ-เส้นผม-07-1024x512.jpg)
และที่ BEQ Clinic เรามีเทคนิคพิเศษสำหรับผู้หญิง ที่เรียกว่า Female Hair Line แนวผมเพศหญิงมีความแตกต่างจากเพศชายค่อนข้างมาก เพราะหน้าผากของเพศหญิงต้องโค้งมน ดูอ่อนละมุน โดยจุดสูงสุดของแนวผมหน้าผากด้านหน้าจะถูกกำหนดให้อยู่ค่อนข้างต่ำกว่าเพศชาย และบริเวณแนวผมด้านข้างก็จะเชื่อมกับจุดนี้ เพื่อให้ได้แนวโค้งอันจะส่งผลให้รูปหน้าโดยรวม เป็นรูปไข่หรือรูปวงรี แตกต่างกับเพศชาย ที่ต้องการความหนา และแน่น