หัวล้าน ผมบาง ผมร่วง เกิดได้จากหลายสาเหตุ รวมถึงวิธีการในการรักษาก็แตกต่างกันออกไปด้วย ซึ่งหากคุณกำลังสงสัยว่าตัวเองกำลังมีอาการที่ว่ามานี้ ลองมาดูกันก่อนว่า หัวล้านเกิดจากอะไรได้บ้าง และแนวทางในการรักษา ป้องกัน เป็นอย่างไร
หัวล้านเกิดจากอะไร?
- พันธุกรรม – สาเหตุหลักของการเกิดผมบางหรือหัวล้าน มาจากยีนที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่ ทำให้รูขุมขนไวต่อฮอร์โมนเพศชาย โดยเฉพาะ DHT (Dihydrotestosterone)
- ความไม่สมดุลของฮอร์โมน – ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศชายที่สูงขึ้น ส่งผลให้รูขุมขนหดตัวและผมบางลง
- ความเครียดและปัญหาสุขภาพจิต – ความเครียดเรื้อรัง วิตกกังวล ซึมเศร้า สามารถกระตุ้นให้เกิดผมร่วงแบบชั่วคราว (Telogen Effluvium)
- โรคภูมิแพ้ตัวเอง – เช่น โรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันโจมตีรูขุมขน
- การขาดสารอาหาร – การขาดธาตุเหล็ก วิตามินบี โปรตีน และสังกะสี ส่งผลต่อการเจริญของเส้นผม
- การใช้ยาบางชนิด – ยาเคมีบำบัด ยารักษาความดัน ยาลดไขมัน และยาอื่นๆ อาจมีผลข้างเคียงทำให้ผมร่วง
ปัจจัยทางกายภาพ – การดึงผมเป็นประจำ เช่น การถักเปียแน่นเกินไป การใช้ความร้อนสูง หรือสารเคมีทำผมบ่อยครั้ง
วิธีการแบ่งระดับ อาการหัวล้าน

การแบ่งระดับของปัญหาผมบาง-ศีรษะล้านนั้นมีอยู่หลายแบบครับ ในวันนี้เราจะใช้ Basic and Specific (BASP) Classification เป็นตัวอ้างอิงนะครับ โดยเราจะทำการคู่ลักษณะปัญหาแบบที่พบได้บ่อยกับแบบที่พบได้น้อยกว่าครับ
1. แบบที่พบได้ทั่วไป (Basic Type)
แบ่งปัญหาออกเป็น 3 แบบย่อยก็คือ

- M หรือ M-Shape คือ จะมีอาการเว้าเข้าไปทั้ง 2 ง่าม โดยแบ่งระดับความรุนแรงอยู่ที่ 0-3
- C หรือ C-Shape คือ จะมีการถอยร่นของแนวผมด้านหน้าขึ้นไปพร้อม ๆ กัน แนวผมที่เหลืออยู่มีลักษณะแบบตัวอักษร C โดยแบ่งระดับความรุนแรงอยู่ที่ 0-3
- U หรือ U-Shape คือ ลักษณศีรษะแบบขุนช้างที่มีปัญหาผมบาง-ล้านจนทั่วหัวแล้ว เหลือเพียงแต่ผมทางด้านหลังศีรษะ แนวผมที่เหลืออยู่มีลักษณะคล้ายตัวอักษร U โดยแบ่งความรุนแรงแรงอยู่ที่ 1-3 ถือเป็นอาการล้านที่รุนแรงที่สุด
2. แบบที่พบได้น้อยกว่า (Specific Type)
- V หรือในส่วนของ Vertex ก็จะเป็นอาการบางด้านบนศีรษะ แบ่งความรุนแรงออกมาเป็น 1-3 ตามขนาดพื้นที่ปัญหา
- F หรือ Female Hair Loss Pattern เป็นรูปแบบอาการหัวล้านในเพศหญิงที่สามารถเกิดได้ในเพศชายได้เช่นกันครับ ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด จะมีอากาาผมบางกระจายทั่วศีรษะ ในขณะที่แนวผมด้านหน้าจะยังคงอยู่
เวลาที่แพทย์วินิจฉัยก็จะเป็นการดูว่าปัญหาพื้นฐานเป็นแบบไหนและมีแบบที่พบได้น้อยกว่าร่วมด้วยหรือไม่ เช่น M2V1 ก็จะเป็นอาการที่มีลักษณะ M shape เว้าเข้าไปประมาณหนึ่งและมีอาการบางในบริเวณตรงกลางร่วมด้วย หากอยากรักษา ก็สามารถรักษาโดยการปลูกผมถาวรย้ายรากในบริเวณ M-Shape และรักษาด้วย RECELL ในบริเวณตรงกลางหัวครับ หรือสำหรับใครที่มีต้นทุนผมด้านหลังจำนวนมากก็สามารถปลูกผมด้วยเทคนิคย้ายรากทั้ง 2 บริเวณเลยก็ได้ครับ


แล้วอาการแบบไหนที่ไม่สามารถปลูกผมได้
สำหรับการปลูกผมแบบย้ายรากจริง ๆ แล้วเราสามารถปลูกผมได้ไม่ว่าจะเป็นอาการในระดัยไหน แต่หากคำนึงถึงผลลัพธ์ หมอแนะนำว่ากลุ่มที่มีปัญหาแบบ U หรือ U-Shape ทั้ง 3 ระยะ ไม่ควรปลูกผมแล้วครับเนื่องจากเรามีพื้นที่ที่มีปัญหามากเกินไป ดังนั้นปลูกไปก็จะได้ผลลัพธ์ที่ไม่สวย หรือไม่แน่นนั่นเอง
สัญญาณเตือนว่ากำลังจะหัวล้าน
- ผมร่วงมากกว่าปกติ – ผมคนเราร่วงวันละ 50-100 เส้นเป็นเรื่องปกติ แต่หากสังเกตพบว่ามีผมร่วงมากกว่านี้ อาจสื่อถึงปัญหา
- เส้นผมบางลงอย่างเห็นได้ชัด – สังเกตว่าผมเริ่มบางจนมองเห็นหนังศีรษะได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะหรือขมับ
- เส้นผมที่งอกใหม่เล็กและบางลง – เส้นผมที่งอกใหม่มีขนาดเล็กลงและบางกว่าเดิม
- ขอบผมถอยร่น – สังเกตได้จากขอบผมด้านหน้าที่ถอยร่นเข้าไป หรือรูปตัว M เริ่มชัดเจนขึ้น
- พื้นที่หนังศีรษะโล่งเป็นหย่อมๆ – มักพบในโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata)
- อาการคันหรือระคายเคืองหนังศีรษะ – บางครั้งอาจบ่งชี้ถึงปัญหาของหนังศีรษะที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม
วิธีการรักษาเมื่อหัวล้าน
การรักษาผมร่วงมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ เช่น
- ยาทา – มินอกซิดิล (Minoxidil) เป็นยาทาหนังศีรษะที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดที่หนังศีรษะและกระตุ้นการเจริญของเส้นผม
- ยารับประทาน – ฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่เปลี่ยนเทสโทสเตอโรนเป็น DHT ช่วยชะลอการร่วงของผม (ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น)
- การฉีด PRP – การนำเลือด มาปั่นแยกเพื่อเอาพลาสม่าที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นไปฉีดที่หนังศีรษะ กระตุ้นการงอกของเส้นผม
- เลเซอร์บำบัด – การใช้แสงเลเซอร์พลังงานต่ำเพื่อกระตุ้นการงอกของเส้นผม ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดและกระตุ้นเซลล์
- การปลูกผม – เป็นการผ่าตัดย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณที่มีผมหนาแน่น (มักเป็นด้านหลังและด้านข้างของศีรษะ) ไปยังบริเวณที่ผมบางหรือล้าน
- ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร – วิตามินและแร่ธาตุเฉพาะ เช่น ไบโอติน วิตามินดี ธาตุเหล็ก และสังกะสี อาจช่วยในรายที่ผมร่วงเกิดจากการขาดสารอาหาร
- การใช้วิก – เป็นทางเลือกชั่วคราวหรือถาวรสำหรับผู้ที่มีหัวล้าน
ซึ่งในการเลือกใช้แต่ละวิธี ขึ้นอยู่กับปัญหาเส้นผมที่เจอ หรือดุลยพินิจของแพทย์ด้วย เช่น หากหนังศีรษะหรือรากผมมีความอ่อนแอ ก็อาจใช้วิธีการกระตุ้นหรือบำรุง แต่หากบริเวณที่หัวล้านนั้น เซลล์รากผมไม่สามารถเจริญเติบโตได้อีกแล้ว ก็อาจใช้การปลูกผมในการรักษา เป็นต้น
สามารถป้องกันไม่ให้หัวล้านได้ไหม
แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันหัวล้านที่มีสาเหตุจากพันธุกรรมได้อย่างสมบูรณ์ แต่สามารถชะลอกระบวนการและลดความรุนแรงได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ – อาหารที่อุดมด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ช่วยให้ผมแข็งแรง
- หลีกเลี่ยงการทำร้ายเส้นผม – ลดการใช้ความร้อน สารเคมี หรือการดึงรั้งผม
- จัดการความเครียด – การออกกำลังกาย, การทำสมาธิ หรือโยคะ ช่วยลดความเครียดที่อาจส่งผลต่อการร่วงของเส้นผม
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ – เพื่อควบคุมระดับฮอร์โมนและตรวจหาโรคที่อาจส่งผลต่อการงอกของเส้นผม
- เริ่มการรักษาแต่เนิ่นๆ – การรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการผมบางจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการรอจนหัวล้านมาก
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเรื่องหัวล้าน
“หัวล้านมาจากแม่”
ความจริงแล้ว ยีนที่เกี่ยวข้องกับหัวล้านสามารถถ่ายทอดได้จากทั้งพ่อและแม่
“การสวมหมวกทำให้หัวล้าน”
ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันความเชื่อนี้ การสวมหมวกไม่ส่งผลต่อการเจริญของเส้นผม แต่ก็อาจส่งผลทางอ้อมในแง่ของการเกิดความอับชื้น แบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกจากหมวก
“สระผมบ่อยทำให้ผมร่วง”
การสระผมไม่ทำให้เกิดผมร่วง แต่เป็นเพียงการช่วยขจัดเส้นผมที่หลุดร่วงตามธรรมชาติอยู่แล้ว
“การนวดหนังศีรษะหรือกระตุ้นด้วยหัวหอมป้องกันหัวล้าน”
แม้การนวดจะช่วยการไหลเวียนเลือด แต่ไม่มีหลักฐานว่าสามารถป้องกันหัวล้านได้จริง ส่วนหัวหอมไม่มีฤทธิ์ช่วยป้องกันผมร่วงที่พิสูจน์ทางการแพทย์
“ผู้ชายที่มีระดับฮอร์โมนเพศชายสูงจะหัวล้านมากกว่า”
ไม่จริงเสมอไป การล้านขึ้นอยู่กับความไวของเซลล์รากผมต่อ DHT มากกว่าระดับฮอร์โมนโดยรวม
“หัวล้านเกิดเฉพาะกับผู้ชายสูงอายุ”
ผู้หญิงก็สามารถมีอาการผมบางได้เช่นกัน และในผู้ชายบางราย อาการอาจเริ่มตั้งแต่อายุ 20 ปี
สรุป
การหัวล้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความมั่นใจ แต่ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน มีทางเลือกในการรักษามากมาย หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณของผมร่วงหรือผมบาง ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังและเส้นผมเพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ